เมื่อถึงฤดูฝน สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ต่างเจริญเติบโตขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว แต่มีดอกไม้ป่าอีกชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านตามต่างจังหวัดชอบเก็บเอาดอกมาคั้นเอาน้ำไปผสมในขนมหรือแช่ในข้าเหนียวเพื่อให้ได้สีสันสดสวยงดงาม ดอกไม้ป่าชนิดนี้ก็คือ ดอกข้าวก่ำ (ภาษาถิ่นบ้านผู้เขียน) หรือมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น ข้าวดอกดิน ดอกดินแดง ซอซวย สบแล้ง หญ้าดอกขอ ปากจระเข้ (ต้นข้าวก่ำ) เครดิตภาพโดยผู้เขียนดอกไม้ป่าชนิดนี้มีหัวเหง้าขนาดเล็กอยู่ใต้ดิน อาศัยอยู่กับรากพืชหรือรากต้นไม้ชนิดอื่น เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนดอกข้าวก่ำจะขยายพันธุ์โดยการชูก้านดอกขึ้นมาจากดินเป็นกลุ่มใหญ่ ลักษณะดอกที่ชูขึ้นมาเป็นปลายแหลมตั้งตรง จากนั้นจึงงอก้านดอกลง แล้วบานออกดอก ลักษณะเหมือนชามคว่ำ สามารถพบเจอได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม - พฤศจิกายน ในป่าดิบชื้นทั่วไปที่มีแสงแดดรำไร (ต้นข้าวก่ำที่เริ่มแก่) เครดิตภาพโดยผู้เขียนในตอนเด็ก ๆ ผู้เขียนเองก็เคยไปเก็บดอกข้าวก่ำในป่ากับเพื่อน ๆ เพื่อนำมาทำขนมด้วย โดยจะเลือกเก็บดอกที่กำลังบานเท่านั้น เพื่อนำมาทำขนม ถ้าช่วงใกล้เทศกาลหรือใกล้วันพระ คุณยายก็จะให้ไปเก็บดอกข้าวกล่ำเพื่อมาทำขนม ขนมที่ทำส่วนใหญ่ก็จะเป็นขนมขาว (ลักษณะคล้ายขนมใส่ไส้แต่ไม่มีใส้อยู่ด้านใน) เมื่อใส่น้ำของดอกข้าวก่ำ ก็จะกลายเป็นขนมดอกข้าวกล่ำ โดยจะนำดอกข้าวก่ำมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นจึงคั้นกับน้ำสะอาด กรองเอาแต่น้ำไปผสมในแป้งข้าวเจ้า น้ำตาล เกลือ และน้ำกะทิแล้วนำไปกวนให้สุก สีที่ได้ก็จะมีสีม่วงเข้มสดใส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำดอกข้าวก่ำที่ใส่ลงไปด้วย จากนั้นจึงนำไปห่อใบตองแล้วนำไปนึ่งให้สุก รับประทานได้แล้วค่ะ (ขนมข้าวก่ำ) เครดิตภาพโดยผู้เขียนหากจะทำขนมสังขยา ที่บ้านจะเรียกว่า ข้าวมัน โดยจะใช้ข้าวเหนียวแช่ในน้ำดอกข้าวก่ำทิ้งไว้ 1 คืน จึงนำมานึ่งให้สุก ข้าวที่นึ่งเสร็จจะมีสีม่วงมีกลิ่นหอมของดอกข้าวก่ำด้วย จากนั้นจึงนำข้าวเหนียวก่ำไปกวนกับกะทิและน้ำตาลจนน้ำกะทิซึมลงไปในเมล็ดข้าว นำมารับประทานกับสังขยาได้เห็นไหมล่ะคะว่า ดอกไม้ป่าชนิดนี้สามารถใช้ทำขนมได้ เนื่องจากมีรสชาติและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แต่ในปัจจุบันเริ่มหายากได้ยาก เนื่องจากเป็นพืชที่ไวต่อสารเคมีและสิ่งเจือปนต่าง ๆ ทำให้เด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้จักดอกไม้ป่าชนิดนี้กัน ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้คงจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน และหากใครอยากลองชิมขนมข้าวก่ำที่หายากแบบนี้ ผู้เขียนแนะนำให้มาช่วงหน้าฝนที่มีการจัดงานบุญประจำปีของทางภาคเหนือ รับรองว่าจะต้องติดใจในรสชาติของขนมชนิดนี้อย่างแน่นอนค่ะ