ความเชื่อโบราณ อยู่คู่กับมนุษย์ทั่วโลกมาแต่อดีตกาล โดยเฉพาะเรื่องฟ้าฝน ที่แต่ละประเทศล้วนต้องพึ่งพาเกษตรกรรม จึงมีความเชื่อเรื่องการ เรียกฝน เมื่อถึงฤดูเพาะปลูกให้ตกต้องตามฤดูกาล และ ไล่ฝน เมื่อปริมาณน้ำฝนมีมากเกินไปจนเกินความต้องการเกิดเป็นอุทกภัย รวมถึงในยุคปัจจุบันหากเราจะจัดงานแสดง หรือพิธีการอะไรขึ้นมาสักอย่าง คงไม่มีใครอยากให้ฝนตกลงมากวนใจแน่ นอกจากวิธิ ปักตะไคร้ ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี บนโลกใบนี้ยังมีวิธี และความเชื่อมากมายที่น่าสนใจ จึงได้รวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ พิธีไล่ฝน ว่าแต่ละพื้นที่ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้เค้ามีความเชื่ออย่างไรกันในการรับมือปัญหาฟ้าฝนในแบบฉบับเข้าใจง่ายกันเช่นเคยตุ๊กตาไล่ฝน หรือในชื่อ Teru teru bozu เป็นเครื่องรางของชาวญี่ปุ่นที่บ้านเรารู้จักกันดีจากการ์ตูนอิคคิวซัง โดยการนำผ้าสีขาวมาห่อเป็นหัวกลมเขียนหน้าตาห้อยตามชายคาบ้าน เป็นการขอให้ในแต่ละวันมีอากาศที่สดใส รวมถึงในงานพิธีสำคัญจะนิยมแขวนตุ๊กตาชนิดนี้เอาไว้เช่นกันเพื่อขอให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาฟ้าฝน มีความเชื่อว่า Teru teru bozu จะนำสิ่งดี ๆ มาให้ เราจึงได้เห็นอิคคิวซังยืนไหว้ขอพรจากตุ๊กตาไล่ฝนเพื่อขอพรให้คุณแม่ปลอดภัยอยู่เสมอเด็กหญิงถือไม้กวาด So Chin Nyan ความเชื่อของชาวจีนกับตำนานเรื่องเล่าถึงเด็กสาวที่เสี่ยงชีวิตเพื่อรักษาผู้คนในหมู่บ้านจากฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน อันมีผลมาจากคำสาปจากสิ่งชั่วร้ายว่าถ้าหญิงงามที่ต้องการไม่ออกมา ฝนจะตกจนน้ำท่วมตายทั้งหมู่บ้าน เธอจึงได้เดินออกมาพร้อมกับไม้กวาดวิเศษโบกพัดเอาปีศาจ และเมฆฝนออกไปจนทุกคนปลอดภัย ถูกยกย่องเป็นเทพ เซ่าฉิงเหนียง (掃晴娘) หรือหญิงสาวผู้ขจัดเมฆฝน เป็นภาพวาดเด็กหยิงถือไม้กวาดที่มักจะซ่อนอยู่ในภาพเขียนจีนตามสถานที่โบราณเช่นวัด ศาลเจ้า เป็นการปกป้องสถานที่นั้นจากอุทกภัย และไม้กวาดเป็นสัญลักษณ์ถึงการปัดกวาดสิ่งชั่วร้ายออกไปเสียบมีดร่องพื้นเรือน ความเชื่อจากกัมพูชาบ้านใกล้เรือนเคียง จะนำมีดมาเสียบกับร่องไม้ของพื้นบ้านที่ด้านล่างโปร่ง ลมพัดผ่าน เพื่อให้สถานที่พักอาศัยปลอดภัยจากพายุ คนที่ทำการเสียบมีดจะเป็นคนเฒ่าคนแก่ หรือคนมีวิชาอาคมท่องคาถาเพื่อปัดเป่าให้ฝนไม่ตกจนเกินพอดี และถอนออกโดยคนที่ทำพิธีเป็นอันเสร็จสิ้นเสกใบลมแล้ง คนพื้นบ้านประเทศลาวมีความเชื่อเรื่องการไล่ฝนที่น่าสนใจ โดยการนำใบของต้นคูณ (ต้นราชพฤกษ์) หรือในชื่อเรียกของคนเฒ่าคนแก่ว่า ใบลมแล้ง โดยการนำใบลมแล้งจำนวน 7 ใบ กลั้นหายใจแล้วนำพระพุทธรูปมาตั้งทับไว้ เชื่อว่าจะสามารถไล่ฝนได้เช่นเดียวกับการปักตะไคร้พิธีบูชาเทพเจ้า Tlaloc ข้ามไปที่ทวีปอเมริกา คนเม็กซิโกมีความเชื่อว่า Tlaloc คือเทพเจ้าแห่งฝน ความเชื่อนี้มีมานานกว่า 3,000 ปี ที่ในอดีตต้องมีการสังเวยชีวิตของเสือเป็นเครื่องสังเวย และเทพโปรดปราณการต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อฆ่าเสือมาบูชา แต่ในสมัยนี้จะไปไล่ฆ่าเสือในป่าคงจะไม่ได้แล้ว คนเม็กซิโกจึงจำลองด้วยการแต่งกายเป็นเสือมาต่อสู้ห้ำหั่นกัน เอาเชือกมัดกับตัวเป็นการบ่งบอกว่าจับเสือได้แล้ว จากนั้นตะโกนเพื่อขอฝน หรืออ้อนวอนให้ฝนหยุดตก และสร้างรูปปั้นบูชาไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ไปรับชมบรรยากาศของพิธีบูชาเทพเจ้า Tlalac ได้ที่นี่ >>คลิก<<หมอผี (Shaman) ความเชื่อเรื่องหมอผีไม่ได้มีเฉพาะประเทศแถบเอเชียบ้านเรา แต่ในต่างประเทศอย่างทวีปแอฟริกา หรืออเมริกาใต้ ความนิยมใน หมอผี ไม่แพ้บ้านเรา มีหน้าที่ตั้งแต่ขับไล่ภูตผีปีศาจ จนถึงเรื่องราวพิธีกรรมอย่าง ไล่ฝน ถึงขนาดมีเรื่องเล่าว่าในมหกรรมกีฬาใหญ่ ๆ อย่างฟุตบอลโลกที่จัดในสองทวีปนี้ ประเทศเจ้าภาพใช้บริการหมอผีเพื่อไล่ฝน หรือข่าวดังจากสื่อระดับโลกอย่าง foxnews ยังเคยรายงานว่างานแฟชั่นโชว์ระดับโลกกลางแจ้ง แบรนด์ยักษ์ใหญ่เคยจ้างหมอผีจากบราซิลไล่ฝนมาแล้วบูชาพระวรุณ (Varuna) ประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะที่เกาะบาหลีมีฝนตกชุกแทบจะทั้งปี มีการนับถือเทพเจ้าของฮินดูหนึ่งในนั้นคือ พระวรุณ หรือที่เรียกกันในบ้านเราว่า พระพิรุณ เชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งน้ำและฝน หากเราไปเที่ยวจะสังเกตว่าคนบาหลี โดยเฉพาะในกิจการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว จะมีรูปองค์พระวรุณตั้งไว้บูชาด้วยดอกไม้ทุกเช้า เช่นเดียวกับการบูชาพระพุทธรูปในบ้านเราเพื่อขอพรไม่ให้ฝนตก อากาศแจ่มใส ประกอบกิจการในวันนั้นได้อย่างราบรื่น เราจะคุ้นชินกับพระพิรุณในบ้านเราที่ทรงอยู่ในท่ายืน แต่ของบาหลีจะนิยมปางที่นั่งประทับบนหลังมกร (ครึ่งจระเข้ ครึ่งพญานาค)พิธี Gicheongje เป็นพิธีกรรมเก่าแก่ตั้งแต่สมัยโชซอน ของประเทศเกาหลีใต้ในการอ้อนวอนเทพเจ้าทั้ง 4 ทิศซึ่งเชื่อกันว่าสามารถไล่ฝนในยามที่จะมีพายุใหญ่เข้ามาได้ โดยการบูชาด้วยเครื่องหอม , หัวหมู และเหล้าองุ่นขาวที่ประตูเมืองทั้ง 4 ทิศของกรุงโซล และประตูเมืองโบราณตามต่างจังหวัด จะว่าไปจะคล้ายกับพิธีไล่น้ำของบ้านเราที่เคยมีตอนน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมาเผาหุ่นแม่มด ทางฝั่งของยุโรปก็มีพิธีกรรมที่เกี่ยวกับการไล่ฝนเหมือนกันที่ สาธารณรัฐเช็ก ในสมัยในยุคล่าแม่มดช่วงสักประมาณ ค.ศ.1200 - ค.ศ.1700 เป็นเวลาหลายร้อยปี เชื่อกันว่าแม่มดมนต์ดำ มีอิทธิฤทธิ์ทำให้สภาพอากาศวิปริตแปรปรวน เกิดฝนตกหนักขึ้นหลายสัปดาห์ ชาวบ้านจึงช่วยกันจับแม่มดมาจุดไฟเผาทิ้งเพื่อหยุดอาเพศจากฝนฟ้า ที่จริงแล้วประวัติศาสตร์ช่วงนี้น่าสนใจมาก ว่ากันว่ามีคนถูกกล่าวหาเป็นแม่มดถูกเผามากมาย เมื่อหมดยุคล่าแม่มด แต่การเผายังมีอยู่ต่อไปโดยใช้หุ่นเป็นสัญลักษณ์ของแม่มด พัฒนามาเป็นประเพณีที่ยังมีให้เห็นตามชานเมืองในวันที่ 30 เมษายนของทุกปี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เป็นการเริ่มต้นของอากาศที่แจ่มใส และกำจัดสิ่งชั่วร้ายให้พ้นจากเมืองในประเทศที่นับถือมุสลิมจะกล่าวบทดุอาอุ (คำขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้า) แต่ต้องกล่าวไว้ก่อนว่าในข้อนี้จะไม่เรียกว่าเป็นการไล่ฝน เพราะชาวมุสลิมเชื่อว่าทุกสิ่งคือความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า น้ำฝนคือสิ่งที่มีประโยชน์ เมื่ออยู่ในช่วงหน้าฝน มีฝนตกลงมาเยอะแล้ว จนอาจจะเกิดน้ำท่วมที่สามารถสร้างความเสียหาย ชาวมุสลิมจะกล่าวบทดุอาอุเพื่อวิงวอนขอให้พระองค์ ทรงเปลี่ยนพระประสงค์ กำหนดให้ฝนไปตกในที่อื่นที่ต้องการฝน แต่ไม่ใช่การไล่ให้ฝนไปตกสร้างความเสียหายกับที่อื่น เป็นการขอให้ไปตกในที่น้ำฝนสามารถทำประโยชน์ได้ตามพระประสงค์ของพระองค์ข้อมูล : www.islammore.comจะเห็นได้ว่าในแต่ละชนชาติ แต่ละศาสนา จะมีความเชื่อในเรื่องของฟ้าฝนที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความต้องการความ พอเหมาะพอดี ของธรรมชาติ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมรักษาสภาพแวดล้อมได้โดยเริ่มจากมือของเราช่วยกันรักษาป่าไม้ และใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพียงเท่านี้ธรรมชาติจะเกิดความสมดุล ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งจะลดลง เป็นประโยชน์กับลูกหลานของเราสืบไป และวันหน้ามาติดตามเรื่องราวดี ๆ แบบนี้กันได้อีกครับ 🤗..อ้างอิงข้อมูลจากพิธีบูชาเทพเจ้า Tlaloc : mexiconewsdaily.comพิธี Gicheongje : www.koreatimes.co.krเผาหุ่นแม่มด : www.bbc.comภาพประกอบโดย ภาพปก 1,2 / ภาพที่ 1 / โดยผู้เขียน / ภาพที่ 3 / โดยผู้เขียน / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8