รีเซต

ทรัมป์โวย FBI เข้าค้นบ้านพัก กล่าวหาทำพฤติกรรมดั่งประเทศโลกที่ 3

ทรัมป์โวย FBI เข้าค้นบ้านพัก กล่าวหาทำพฤติกรรมดั่งประเทศโลกที่ 3
TNN ช่อง16
9 สิงหาคม 2565 ( 12:50 )
86
ทรัมป์โวย FBI เข้าค้นบ้านพัก กล่าวหาทำพฤติกรรมดั่งประเทศโลกที่ 3

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บ้านพักของเขาในรีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก ในปาล์ม บีช รัฐฟลอริดา ถูกเจ้าหน้าที่ของสำนักสอบสวนกลาง หรือ FBI จำนวนมากเข้ามาควบคุม และเจ้าหน้าที่ยังพยายามงัดตู้เซฟของเขาด้วย


---แถลงการณ์ของทรัมป์ระบุว่า “นี่คือช่วงเวลาที่มืดของชาติเรา”---


ทรัมป์ยืนยันว่า ที่ผ่านมาเขาได้ให้ความร่วมมือจากทุกหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การที่ FBI บุกมาตรวจค้นบ้านของเขา โดยไม่แจ้งล่วงหน้านั้น เป็นการกระทำที่ไม่จำเป็น และไม่เหมาะสม


ทรัมป์กล่าวหาว่า การประพฤติไม่ชอบทางอัยการและการใช้ระบบยุติธรรมเป็นอาวุธนั้น เกิดขึ้นเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาลงชิงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง การโจมตีเช่นนี้ควรเกิดในประเทศโลกที่สามเท่านั้น ตอนนี้อเมริกาได้กลายเป็นประเทศโลกที่สามแล้ว และมีการทุจริตแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พวก FBI ถึงขั้นงัดตู้เซฟของเขาด้วย


สถานีข่าว CBS รายงานว่า ช่วงที่มีรายงาน FBI บุกตรวจค้นมาร์-อา-ลาโกของทรัมป์ เขาอยู่ที่อาคารทรัมป์ทาวเวอร์ ในมหานครนิวยอร์ก


ทั้งนี้ มาร์-อา-โลก เป็นรีสอร์ตส่วนตัวสำหรับสมาชิก และเป็นที่พักในช่วงฤดูหนาวของครอบครัวทรัมป์


--- ทรัมป์ชอบทำลายเอกสารสำคัญ?---


การบุกตรวจค้นของ FBI มีขึ้นในช่วงเวลาที่ทรัมป์กำลังเตรียมพร้อมที่อาจจะลงชิงศึกประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นครั้งที่สาม ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2024 


สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า การตรวจค้นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการสอบสวนกรณีการบริหารจัดการข้อมูลชั้นความลับ ในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี


ด้านเอริค ทรัมป์ บุตรชายคนที่สองของทรัมป์ กล่าวกับ Fox News ว่า การตรวจค้นของ FBI ที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก นั้นเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเอกสารของ National Archives หรือ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ


เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ซึ่งดูแลการเก็บรักษาบันทึกของประธานาธิบดีทั้งหมด ได้ร้องขอให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนทรัมป์ เกี่ยวกับการจัดการเอกสารราชการ


โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ระบุว่า ได้รับกล่องจำนวน 15 กล่อง มาจากมาร์-อา-ลาโก ซึ่งข้างในกล่อง ปรากฏว่าพบเอกสารชั้นความลับต่าง 


ทั้งนี้ กฎหมายสหรัฐฯ กำหนดให้ประธานาธิบดีต้องส่งมอบจดหมาย เอกสารการทำงาน และอีเมล ทั้งหมด แก่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ


แต่ปรากฏว่า ทรัมป์ฉีกทำลายเอกสารจำนวนมาก และเอกสารบางฉบับมีการนำมาปะติดปะต่อกลับมาได้ 


อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น ทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยอ้างว่าเป็น “ข่าวปลอม


ขณะที่ แมคกี ฮาเบอร์แมน นักข่าวของ New York Times ซึ่งเขียนหนังสือชื่อ Confidence Man ที่กำลังจะวางแผง เผยว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวมักพบกองกระดาษที่ติดอยู่ในชักโครก และเชื่อว่า ทรัมป์เป็นผู้ทิ้งกระดาษเหล่านั้นลงในชักโครกห้องน้ำ 


แหล่งข่าวใกล้ชิดทรัมป์บอกกับ CBS ว่า การตรวจค้นนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมาย Presidential Records Act หรือกฎหมายบันทึกของประธานาธิบดี แต่ FBI กลับออกไปแล้วโดยแทบไม่ได้อะไร


ทั้งนี้ หมายค้นของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางนั้น ต้องมีการอนุมัติโดยผู้พิพากษา และใช้เมื่อเจ้าหน้าที่ต้องการบุกเข้าตรวจค้นอย่างรวดเร็วเพื่อรีบเก็บหลักฐาน หรือป้องกันหลักฐานถูกเคลื่อนย้าย หรือทำลาย


เจ้าหน้าที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุกับ CBS ว่า หน่วยอารักขาประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับแจ้งเพียงไม่นานก่อนที่หมายค้นจะออกช่วง 10.00 ของวันที่ 8 สิงหาคม แต่เจ้าหน้าที่อารักขาทรัมป์ได้ให้ความร่วมมือกัน FBI เป็นอย่างดี มีการนำกล่องออกไปหลายกล่อง และการตรวจค้นเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายแก่  แต่ยืนยัน ไม่มีการพังประตูแต่อย่างใด


--- ไบเดนไม่รู้เรื่อง FBI จู่โจมค้นบ้านทรัมป์---


เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวระบุว่า คณะทำงานประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ได้รับแจ้งจ้าง FBI เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน บางคนมารู้เรื่องนี้จากสื่อและสื่อสังคมออนไลน์ด้วยซ้ำ


ทำเนียบขาวระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม เพื่อเลี่ยงการกดดันทางการเมือง หรือความไม่เหมาะสมต่าง 


ขณะที่ไบเดนเคยประกาศไว้ตอนหาเสียงว่า จะอยู่ห่างจากกิจการอยุติธรรม และเขาและครอบครัว กำลังรอการตัดสินของอัยการเช่นกันว่า จะชี้มูลความผิดลูกชายของเขา “ฮันเตอร์ ไบเดน” หรือไม่ กรณีเลี่ยงภาษี


ทั้งนี้ นอกจากทรัมป์กำลังถูกหอจดหมายเหตุแห่งชาติสอบสวนแล้ว คณะกรรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กำลังสอบสวนการกระทำของทรัมป์จากเหตุก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาในวันที่ 6 มกราคม 2021 ด้วย 


ขณะที่กระทรวงยุติธรรมกำลังสอบสวนข้อกล่าวหาของทรัมป์เรื่องการโกงการเลือกตั้งในปี 2021 โดยเมอร์ริค การ์แลนด์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวว่า ทุกคนต้องรับผิดชอบ

————

แปล-เรียบเรียงธันย์ชนก จงยศยิ่ง

ภาพ: Reuters 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง