Urban Reign... แค่ชื่อเกมก็บ่งบอกถึงความดิบเถื่อนของเกมแอคชั่นตะลุมบอนบนถนนที่วางจำหน่ายบน PlayStation 2 ในปี 2005 เกมนี้ถูกพัฒนาโดย Namco ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่สร้างเกมต่อสู้ระดับตำนานอย่าง Tekken และ Soulcalibur แต่แทนที่จะเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวในสังเวียนปิด Urban Reign กลับพาเราไปตะลุยด่านในเมืองที่เต็มไปด้วยแก๊งอันธพาล พร้อมกับระบบการต่อสู้แบบตะลุมบอนที่ดุเดือดและรวดเร็ว แม้เกมนี้อาจจะไม่ได้โด่งดังเท่าเกมอื่นๆ จาก Namco แต่สำหรับผมแล้ว Urban Reign คือเกมที่มอบประสบการณ์ความมันส์แบบดิบๆ ที่หาได้ยากในเกมยุคเดียวกัน เนื้อเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้แย่ ใน Urban Reign เราจะได้รับบทเป็น Brad Hawk นักสู้ข้างถนนผู้แข็งแกร่งที่ถูก Shun Ying Lee เจ้าแม่แห่งไชน่าทาวน์จ้างวานให้ตามหาลูกน้องที่ถูกลักพาตัวไป ภารกิจนี้พา Brad เข้าไปพัวพันกับสงครามแก๊งในเมือง Green Harbor ที่เต็มไปด้วยเหล่าอันธพาลจากหลากหลายแก๊ง เนื้อเรื่องของเกมนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนัก แต่ก็ไม่ได้แย่จนน่าเบื่อ มีจุดหักมุมเล็กๆ น้อยๆ ให้พอเซอร์ไพรส์บ้าง และที่สำคัญคือมันทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงฉากต่อสู้ต่างๆ ได้อย่างลงตัว กราฟิกและเสียง : ความดิบแบบ PS2 ที่ยังดูดี ในแง่ของกราฟิก Urban Reign อาจจะไม่ได้สวยงามอลังการเมื่อเทียบกับเกมยุคปัจจุบัน แต่สำหรับเกมในยุค PS2 ถือว่าทำได้ดีทีเดียว โมเดลตัวละครมีความละเอียดพอสมควร ฉากต่างๆ ในเกมก็มีบรรยากาศที่ดูสมจริง ไม่ว่าจะเป็นตรอกซอกซอยในไชน่าทาวน์ โกดังร้าง หรือแม้แต่บาร์เหล้าโทรมๆ ส่วนเสียงประกอบก็ทำได้ดี เสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ เช่น เสียงต่อย เสียงเตะ เสียงอาวุธกระทบกัน ล้วนให้ความรู้สึกถึงน้ำหนักและความรุนแรง เพลงประกอบก็เข้ากับบรรยากาศของเกมได้อย่างดี โดยเฉพาะเพลงร็อคหนักๆ ที่ดังขึ้นในฉากต่อสู้ ยิ่งช่วยเพิ่มความเร้าใจให้กับการเล่น เกมเพลย์ : จุดเด่นที่ทำให้ Urban Reign แตกต่าง หัวใจสำคัญของ Urban Reign คือระบบการต่อสู้แบบตะลุมบอน เราสามารถใช้ท่าโจมตีได้หลากหลาย ทั้งการต่อย เตะ จับทุ่ม และยังมีอาวุธให้เก็บมาใช้ได้อีกด้วย เช่น ไม้เบสบอล ท่อนเหล็ก มีด ฯลฯ สิ่งที่ทำให้ Urban Reign แตกต่างจากเกมต่อสู้ทั่วไปคือ เราสามารถต่อสู้กับศัตรูได้พร้อมกันหลายคน และยังสามารถใช้สิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เป็นประโยชน์ได้อีกด้วย เช่น การเตะศัตรูให้ชนกำแพง การจับศัตรูเหวี่ยงลงพื้น หรือการใช้ฉากในการหลบหลีกการโจมตี สิ่งที่ผมชอบมากในเกมนี้คือความรู้สึก "หนักแน่น" ของการต่อสู้ ทุกหมัด ทุกเท้าที่เราปล่อยออกไป ล้วนให้ความรู้สึกถึงแรงปะทะที่สมจริง ไม่เหมือนเกมต่อสู้บางเกมที่ตัวละครดูเหมือนจะลอยๆ เวลาต่อสู้กัน นอกจากนี้ Urban Reign ยังมีระบบ "Free Mission" ที่ให้เราเลือกตัวละครและฉากมาต่อสู้กันเองได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นโหมดที่ผมใช้เวลาเล่นมากที่สุด เพราะมันสนุกมากที่ได้ลองจับตัวละครต่างๆ มาสู้กัน และทดลองคอมโบใหม่ๆ ความทรงจำในวัยเด็ก ผมจำได้ว่าตอนที่ Urban Reign วางจำหน่ายใหม่ๆ ผมยังเป็นเด็กประถมอยู่เลย ตอนนั้นผมชอบเล่นเกมต่อสู้มาก และพอเห็นเกมนี้ที่มีระบบการต่อสู้แบบตะลุมบอน ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ผมกับเพื่อนๆ มักจะผลัดกันเล่นเกมนี้ โดยจะแบ่งทีมกันต่อสู้ บ้างก็จับคู่กันสู้กับ AI ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก แม้กราฟิกของเกมจะไม่ได้สวยงามเหมือนเกมยุคนี้ แต่ความสนุกของ Urban Reign ก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจผมเสมอ จุดด้อยที่ (อาจจะ) ทำให้เกมนี้ไม่ปัง แม้ Urban Reign จะเป็นเกมที่สนุก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกมนี้มีจุดด้อยอยู่บ้าง เช่น ระบบ AI ของศัตรูที่บางครั้งก็ดูงี่เง่า การควบคุมที่อาจจะดูยากสำหรับบางคน และเนื้อเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ซึ่งจุดด้อยเหล่านี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ Urban Reign ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร สรุป : เกมแอคชั่นที่ยังคงความสนุก Urban Reign อาจจะไม่ใช่เกมแอคชั่นที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นเกมที่มอบประสบการณ์การต่อสู้แบบตะลุมบอนที่สนุกและแตกต่าง หากคุณเป็นแฟนเกมแนวนี้ และกำลังมองหาเกมเก่าๆ มันส์ๆ เล่น ผมขอแนะนำ Urban Reign รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง คะแนน: 4/5 ดาว เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !