มนุษย์เงินเดือนทุกคนฝันอยากจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน อยากเลื่อนขั้น อยากมีผลงาน เป็นที่ยอมรับในสังคมคนทำงาน แต่ใครที่เคยเข้าทำงานจะเข้าใจดีว่าการทำงานกับคนนั้นมันไม่ง่ายเลย หนังสือ เปลี่ยนแปลงได้ก่อน มีโอกาสมากกว่า จึงออกมาไขคำตอบของข้อข้องใจของคนทำงานว่าเราควรจะเปลี่ยนแปลงอะไร ทั้งแนวคิด มุมมองของเจ้านายกับลูกน้อง หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ดร.รพีรัฐ ธัญวัฒน์พรกุล เจ้าของเพจมนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่ ที่มีประสบการณ์ตอบข้อสงสัยของคนทำงาน ทั้งเรื่องปัญหากับคนในที่ทำงานและภาวะทางสังคมที่กระทบต่องานที่เรากำลังทำอยู่ ดร.รพีรัฐ ก็ได้ใช้ประสบการณ์จากการพูดคุยและในฐานะที่เป็นมนุษย์เงินเดือนมาตอบข้อสงสัยคนทำงานกินเงินเดือน ซึ่งก็เป็นแง่คิดที่ดีที่นำไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองได้ แนวคิดที่ได้ภายในเล่มในมุมมองของผู้เขียน ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องเข้ามาทำงานใหม่ แล้วได้รับงานยาก การปฏิเสธเป็นการตัดโอกาสตัวเอง เพราะการได้ทำงานยากนั้นมันไม่มีอะไรจะต้องเสีย ถึงแม้ว่าเราอาจจะทำไม่ได้ อาจจะทำไม่สำเร็จ ก็ถือว่าปกติ เพราะรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์และอาวุโสมากกว่าเรา เขายังทำไม่สำเร็จเลย ถ้าเราทำได้ เราจะรุ่งทันที แต่ก่อนอื่นเราต้องก่อนว่าคนที่ทำชิ้นงานก่อนหน้านี้ เขาทำอะไรผิดพลาด เราต้องไม่ทำเด็ดขาด เราต้องหาวิธีการที่ดีกว่า และอะไรที่เขาทำไว้ดีแล้ว ก็ให้ทำต่อไป เว้นเสียแต่ว่ามันทำได้ดีกว่าเดิม แม้จะไม่ถูกกับเจ้านาย แต่เราก็ควรเลือกที่จะจากกันด้วยดี แสดงความให้เกียรติเขาและจากกันด้วยดี เพราะเราไม่รู้หรอกว่าอาจจะต้องกลับมาเจอกันอีก เป็นการไม่เผาสะพานตัวเอง (เผื่อมีโอกาสกลับมาทำงานที่เก่าได้ หากจำเป็น) อย่าจากกันไม่ดีถึงขนาดไม่เผาผีกันเลยนะครับ เพราะโลกการทำงานมันแคบ เราอาจต้องโคจรมาพบกันอีกครั้งก็ได้ อาการที่หัวหน้าแสดงออกว่าไม่ชอบเรา ไม่ชอบใครบางคนในที่ทำงานอาจมีสาเหตุมาจากตัวเราเองได้ เช่น1.เป็นคนที่ขาดระเบียบวินัยอย่างรุนแรง มาสาย ลางานแบบไร้เหตุผล2.เป็นคนที่ขาดความน่าเชื่อถือ เช่น ทำงานช้า ส่งงานช้า หรืองานมีปัญหาทุกครั้งที่มอบหมายไป3.เป็นคนที่ไม่เคยยอมรับความผิด4.เป็นคนที่ชอบนินทาคนอื่น5.เป็นคนที่ชอบทำงานข้ามหัวคนอื่น6.เป็นคนที่ชอบโชว์ ขี้อวด คิดว่าตนเก่งกว่าคนอื่น7.เป็นคนที่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ สิ่งที่ควรทำหลับไม่ทำ เช่น งานสำคัญกว่ากลับไม่ทำ ดันไปทำงานที่ไม่สำคัญ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะงานเร่งด่วนเป็นงานยาก ไม่มีใจอยากทำ แบบนี้ก็เสียหายได้เหมือนกัน8.เป็นคนที่ชอบหลีกเลี่ยงที่จะทำงานยาก หรืองานที่ไม่ชอบ9.เป็นคนที่ทำงานกับใครๆก็ไม่ได้ ทำงานเป็นทีมไม่ได้ สร้างความแตกแยก10.เป็นคนที่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงาน11.เป็นคนที่ชอบสร้างปัญหา แถมทิ้งปัญหาให้คนอื่นแก้อีก12.เป็นคนที่มักทำให้แผนกขายหน้า หรือเจ้านายเสียหน้า13.เป็นคนที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง หัวแข็ง ดื้อดึง ไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆ ถ้าความไม่พอใจของหัวหน้ามาจากอคติ ความรู้สึกไม่ถูกชะตาโมโหใส่อย่างไม่มีเหตุผล แบบนี้คงแก้ไขลำบาก เพราะเราไม่อาจรู้ความจริงได้เลยว่า เขาไม่ชอบเราด้วยสาเหตุใดกันแน่ แถมอาจต้องเจอเพื่อนร่วมงานจอมเหวี่ยง แอบเอาเราไปให้ร้ายต่างๆเพื่อให้เราอยู่ทำงานไม่เป็นสุข เราต้องจำยอมทำงานกับเขาทุกวัน โดยรู้ทั้งรู้ว่าพวกเขาก็ไม่ได้ชอบเราเอาค่อนข้างมาก เราจะทำอย่างไรดี1.ลาออกโดยที่ยังไม่มีงานทำ ดีต่อสุขภาพจิต แต่กรอบเพราะไม่มีรายได้ประจำอีกแล้ว2.อยู่ต่อไปเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้เขายอมรับ ทนกับความกดดันที่ถาโถมเข้ามาทุกวัน แต่ก็อาจเสี่ยงที่ผลงานเราไม่ชนะอคติในใจของพวกเขา3.หางานใหม่ ไม่เกี่ยงจะเป็นงานอะไรก็ได้ ทนอยู่ที่เดิมไปก่อนจนกว่าจะหางานใหม่ได้ แต่ถ้าหางานใหม่ไม่ได้ ก็คงเป็นทุกข์กับที่ทำงานเก่าต่อไปเรื่อยๆ แล้วถ้างานใหม่ได้เงินเดือนน้อยกว่าที่เก่า เราจะรับได้มั้ย ?4.อยู่ทนทำงานต่อไป ใครจะว่ายังไงก็ไม่สนเรื่องของเขา คิดแต่งาน ทำแต่งาน แยกความรู้สึกออกไปได้ก็ดีนะ แต่ทำได้จริงมั้ย ทำได้นานแค่ไหนคงยากที่จะรู้ แต่ถ้าทำได้ถือว่าเก่ง และก็ต้องยอมรับว่าถึงจะทนทำงานกับที่นี่ได้ แต่มันจะมีโอกาสให้เราเลื่อนขั้นเติบโตในองค์กรหรือไม่ ถ้าเขาไม่ชอบเรา เขาจะให้โอกาสเราเติบโตหรือ ?....ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ขอให้การตัดสินใจนั้นเป็นการตัดสินใจที่คิดถี่ถ้วนแล้ว พฤติกรรมของเจ้านายที่พิสูจน์ได้ว่าไม่ดีต่อตัวเรา1.เจ้านายที่มีมาตรฐานสูงจัดจนยากจะทำได้สำเร็จจริง2.เจ้านายเป็นฝ่ายถูกต้องเสมอ3.ความคิดของเจ้านายดีที่สุดเสมอ4.เจ้านายอารมณ์แปรปรวนอยู่ตลอด5.เจ้านายหูเบา6.เจ้านายที่ไม่เคยสอน ไม่เคยแนะนำอะไรเลย7.เจ้านายที่คุยด้วยไม่รู้เรื่องเราไม่ได้อคติต่อเจ้านาย เพราะเจ้านายวางตัวกับเราอีกอย่าง แต่กลับวางตัวต่อเพื่อนร่วมงานอีกคนตรงกันข้ามกับเรา มันช่างน่าน้อยใจเสียจริง....เวลาอยู่ต่อหน้าเรา เจ้านายมีอารมณ์แปรปรวน พออยู่กับผู้ใหญ่อาวุโสทรงคุณวุฒิ เจ้านายกลับควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี พอเราประเมินสถานการณ์แล้วไม่สู้ดีนัก ขอให้เตรียมแผนสำรองในการหางานใหม่โดยพลัน เอาความสามารถของเราไปใช้ในที่ที่เขาเห็นคุณค่าของเราดีกว่า หากลังเลในการย้ายงาน ลองถามตัวเองเพื่อการเปรียบเทียบดังต่อไปนี้1.เราทำงานที่องค์กรมากี่ปี แล้วตำแหน่งล่าสุดอยู่มานานกี่ปีแล้ว2.เคยมีผลงานอะไรบ้างที่เราภูมิใจ เป็นประโยชน์ต่อทีมงาน หรือบริษัท3.หัวหน้าให้ความสำคัญ ความไว้ใจ หรือความเป็นกันเองหรือไม่4.เพื่อนร่วมงานให้การช่วยเหลือ สนับสนุนเรา ในการทำงานร่วมกันหรือไม่5.งานที่ทำ ความรับผิดชอบที่มี พอใจไหม6.งานที่ทำเหมาะสมกับรายได้หรือไม่7.ประสบการณ์ ทักษะความรู้ใหม่ๆ ได้อะไรเพิ่มเติมจากงานที่ทำบ้างไหม8.ภาระหนี้สินที่ต้องผ่อน ต้องจ่าย มีเยอะหรือไม่9.ในอนาคตอีก 2-3 ปีข้างหน้า ถ้าไม่ได้เลื่อนขั้น ต้องอยู่ตำแหน่งเดิม จะพอใจหรือไม่ ในสังคมทำงาน เรามักจะเห็นกันบ่อยๆเวลาใครพลาดอะไร ไม่ว่าเรื่องจะเล็กน้อยหรือใหญ่แค่ไหน คนที่พลาดมักจะถูกซ้ำเติมจากคนรอบข้างเสมอ คนที่เจ็บก็ไม่มีกำลังใจกล้าทำอะไรดีๆต่อไปได้อีก กลายเป็นคนดูขาดความมั่นใจ ไม่ค่อยกล้าลงมือทำอะไรที่มันยาก หรือชอบเอาตัวรอดแบบขอไปที คนเหล่านี้อาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แย่ๆมาก่อนก็เป็นได้ สังคมจะอยู่กันได้ ไปต่อในทางที่ดีได้ ถ้าคนในสังคมไม่ซ้ำเติมกัน การที่เราคิดว่า เราไม่สามารถแก้ปัญหาได้นั้น ไม่ใช่หมายความว่า เราไม่สามารถแก้ได้จริงๆ แต่เป็นเพราะว่า เราเอาประสบการณ์ในอดีตที่ไม่ดีมาตัดสินว่าเราแก้ไม่ได้แน่ๆ ผลที่ตามมาก็คือ มันก็จะไม่ได้แก้ แต่ถ้าเรามองใหม่ว่า ปัญหาที่เราเจอ มันต้องมีทางออกจากคนที่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีจากคนที่เขาเคยผ่านเรื่องเหล่านี้มา แล้วค่อยลองทำดูได้ นี่คือแนวคิดที่ได้ภายในเล่มที่ผู้เขียนเองหลังจากที่ได้อ่านจบ ก็ย้อนกลับมาถามตัวเองว่าปัญหาแบบเดียวกันในเล่ม ถ้าเป็นเรา เราจะเลือกทางแก้แบบไหน ซึ่งมันไม่มีผิด ไม่มีถูก มันขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกทางไหนที่คุ้มค่าและสบายใจที่สุดสำหรับเรา เหนือสิ่งอื่นใด คือ การกล้าออกจาก Comfort zone กล้าที่จะลองทำงานที่ท้าทาย งานที่ยากขึ้น โดยหวังว่าตัวเราจะได้รับการพัฒนาฝีมือ มีทักษะชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นคนสำคัญที่องค์กรจำเป็นต้องพึ่งพาเรา แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้นั้นไม่ง่ายเลย ส่วนตัวผู้เขียน(ครีเอเตอร์บทความ) มองว่าเราจะต้องได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือสอนงานด้วยความเต็มใจด้วย เพื่อลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น แต่การเมืองในที่ทำงานเป็นเรื่องยากที่เราจะทำงานแสดงฝีมือได้อย่างแท้จริง เราในฐานะคนทำงานก็ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของความเกลียดชังภายในที่ทำงาน แล้วผลงานที่ทำออกมา...มันจะดีได้อย่างไร...นี่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนทำงานไม่ก้าวหน้าและมีทัศนคติการทำงานเป็นลบได้ เครดิตภาพภาพปก โดย drobotdean จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย pressfoto จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 5 โดย storyset จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ จริงๆแล้วเจ้านายต้องการอะไรจากเรารีวิวหนังสือ”เวลาทำงานต้องใส่จิตวิญญาณลงไปด้วย”TrueID In-Trend แหล่งสร้างคอนเทนต์หารายได้เสริมช่วงโควิด-19รีวิวหนังสือ วิชาแรก วิชาชีวิตรีวิวหนังสือ จงรักในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์