รีเซต

NERคู่ขาบริดจสโตน ไทยฮับยางเครื่องบิน

NERคู่ขาบริดจสโตน ไทยฮับยางเครื่องบิน
ทันหุ้น
14 กรกฎาคม 2565 ( 20:27 )
128

#NER #ทันหุ้น – NER จ่อรับออเดอร์เต็ม บริดจสโตนย้ายฐานผลิตล้อยางเครื่องบิน “ชูวิทย์” รับเป็นคู่ค้าหลักซื้อยาง RSS เบอร์ 1-2 แถมหนุนไทยเป็นฮับผลิตล้อยางเครื่องบินดึงลูกค้าเพิ่มอีก ชี้ไทยเป็นผู้ผลิตสเป็กนี้รายเดียวในโลก มั่นใจงบครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก โบรกมอง NER จะได้รับออเดอร์เพิ่มขึ้น ชี้พี/อีต่ำ 5 เท่า ปันผลสูง 7.9%

 

จากกรณีที่ บริษัท บริดจสโตน จำกัด ผู้ผลิตยางล้อรายใหญ่ญี่ปุ่น ประกาศว่าจะปิดโรงงานหล่อดอกยางเครื่องบินที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงการสร้างธุรกิจ เพื่อย้ายการผลิตมาที่ประเทศไทย สำหรับโรงงานหล่อดอกยางสำหรับล้อยางเครื่องบินแห่งนี้ จะเปิดดำเนินการจนถึงปลายเดือนมิถุนายน 2566

 

ทั้งนี้แผนการปิดโรงงานที่ฮ่องกงเพื่อย้ายไปผลิตที่ประเทศไทยเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความใส่ใจและมีแผนการชัดเจนว่าจะย้ายไปผลิตที่โรงงานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี ประเทศไทย ซึ่งล้อยางเครื่องบินที่ผลิตจากชลบุรีจะทำหน้าที่เป็นแหล่งจัดจำหน่ายให้ฮ่องกงด้วย

 

*ไทยฐานผลิตยางล้อเครื่องบิน

 

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า การที่ บริษัทบริดจสโตน ย้ายการผลิตมาที่ประเทศไทย สำหรับโรงงานหล่อดอกยางสำหรับล้อยางเครื่องบินนั้น จะส่งผลดี โดยปัจจุบันบริษัทมีการส่งยางให้แก่ บริดจสโตน อยู่แล้วในส่วนของยางแผ่นรมควัน (RSS) เบอร์ 1 และเบอร์ 2 ซึ่งการย้ายโรงงานมาประเทศไทยนั้นก็จะมีการขายสินค้าให้แก่บริดจสโตน ต่อเนื่องอยู่แล้ว เป็นบวกต่อบริษัทในเรื่องของยอดขาย

 

นอกจากนี้เชื่อว่าการย้ายฐานการผลิตยางล้อเครื่องบิน จะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยมีโอกาสเป็นฐานการผลิตยางล้อเครื่องบินต่อไป รวมไปถึงโอกาสที่ลูกค้ารายใหม่จะมาสั่งซื้อยาง RSS ที่ประเทศไทยมากขึ้น และในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ประกอบการยางพาราไทย ซึ่งไทยเป็นผู้ผลิตยาง RSS เบอร์ 1 และเบอร์ 2 รายเดียวของโลก  จะช่วยให้มีโอกาสได้รับคำสั่งซื้อใหม่ๆ ต่อไป

 

@ครึ่งหลังแรงกว่า

 

พร้อมกันนี้ยังมั่นใจว่าแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก หนุนจากความต้องการใช้ยางพารากลับมาดีขึ้น ประเทศจีนมีการคลายล็อกดาวน์ รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปลายปี 2565 รวมไปถึงการผลักดันนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้เกิดการกระตุ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อราคายางพาราในปีนี้

 

โดยบริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้ที่ 28,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 24,456 ล้านบาท ไตรมาส 1/2565 ทำได้แล้วที่ 5,628 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการขายคาดว่าจะทำได้ 460,000 ตัน ส่วนแนวโน้มราคายางพารา ยังอยู่ในระดับที่ดี โดยปัจจัยราคายางอยู่ที่ระดับ 65 บาทต่อกิโลกรัม แม้ว่าอาจจะมีการปรับตัวลดลงไปบ้างตามราคาน้ำยาง แต่ก็เป็นราคาที่กลับมาสู่ระดับปกติ

 

*โอกาส NER ได้ออเดอร์เพิ่ม

 

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุถึง NER ว่า มีมุมมองบวกต่อ NER ซึ่งเดิมบริษัทบริดจสโตน เป็นลูกค้าของบริษัทอยู่แล้ว โดยยางล้อที่ใช้กับเครื่องบินจะเป็นยางแผ่นเบอร์ 2 ซึ่งปกติ NER ส่งให้กับ บริษัทบริดจสโตน 3 เกรด คือ เบอร์ 2,3,4 ดังนั้น ภายหลังการย้ายฐานการผลิต คาดว่า NER จะได้รับออเดอร์เพิ่มขึ้น

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง NER ว่า ไตรมาส 3/2565 เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลส่งมอบที่เร่งตัวขึ้น ปัญหาการส่งออกคลี่คลายหลังจีนคลาย Lockdown ปริมาณตู้เริ่มมีมากขึ้น ราคาตู้คอนเทนเนอร์ลดลงในอัตราเร่ง แต่ราคาขายที่ปิดการขายไปก่อนหน้ามีการบวกส่วนเพิ่มจากราคาตู้ที่ไปด้วยแล้ว และไม่มีการปรับลงในการส่งมอบในไตรมาส 3 คาดปริมาณการส่งมอบเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากผลของฤดูกาลและมีสินค้าที่ส่งมอบไม่ได้ใน ไตรมาส 2/2565 เลื่อนมาส่งมอบในไตรมาส 3/2565 ราคาขายเฉลี่ยคาดทรงตัว จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ดีขึ้่น จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ ไตรมาส 3/2565 จะเห็นการฟื้นตัวของรายได้

 

และ GPM ขณะที่ราคายางแท่งใน ไตรมาส 3/2565 เริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับมาที่ 58 บาทต่อกิโลกรัม (จาก 57.3 บาทต่อ กิโลกรัม ไตรมาส 2/2565) จะส่งผลบวกใน ไตรมาส 4/2565 เบื้องต้นคาดกำไรปกติในไตรมาส 3/2565 อาจสูงถึงระดับ 550 - 600 ล้านบาท คาดเงินปันผลทั้งปี 2565 ที่ 0.46 บาทต่อหุ้น ให้ผลตอบแทน 7.9% โดยคาดส่วนของเงินปันผล ครึ่งปีแรก 2565 ที่ 0.08 บาทต่อหุ้น ให้ผลตอบแทน 1.4% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 ต่ำ เพียง 5.0 เท่าสะท้อนผลประกอบการ ไตรมาส 2/2565 ที่ชะลอตัวไปมากแล้ว ขณะที่กำไรทั้งปี 2565 ยังทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แม้มีฐานที่สูง และจะกลับมาเติบโตในปี 2566 มองเป็นโอกาสสะสม สำหรับการซื้อลงทุน แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยรอซื้อหลังงบไตรมาส 2/2565 ราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 10.50 บาท

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง