สหรัฐ: พบ งูอินดีโกตะวันออก ในแอละแบมา ครั้งที่สองในรอบกว่า 60 ปี

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า งูอินดีโกตะวันออก ที่หายากถูกพบในรัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา เป็นเพียงครั้งที่สองในรอบมากกว่า 60 ปี

การค้นพบ งูอินดีโกตะวันออก ที่มีถิ่นกำเนิดในป่านับเป็นความสำเร็จของโครงการเร่งรัดรื้อฟื้นงูอินดีโกตะวันออกกลับมาในรัฐแอละแบมา

"งูที่พบเมื่อวานวันที่ 19 มี.ค. ชี้ว่า โครงการดังกล่าวทำให้งูอินดีโกเติบโตและสืบพันธุ์ได้อย่างที่เราต้องการ การรื้อฟื้นสายพันธุ์สัตว์ในถิ่นกำเนิดเป็นงานยาก และเราเฉลิมฉลองแต่ละก้าวแห่งความสำเร็จ" กองสัตว์ป่าและประมงน้ำจืด รัฐแอละแบมา โพสต์บน เฟซบุ๊ก

งูอินดีโกตะวันออก งูตัวใหญ่ที่สุดที่มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐ เคยถูกพบทั่วรัฐแอละแบมา แต่สูญพันธุ์ไปจากรัฐในช่วงทศวรรษที่ 1950 ส่วนใหญ่เนื่องจากสูญเสียแหล่งที่อยู่ ตามข้อมูลของ กรมอนุรักษ์และทรัพยากรธรรมชาติ รัฐแอละแบมา

อย่างไรก็ตาม งูอินดีโกตะวันออกเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศ จิม ก๊อดวิน นักชีววิทยาสัตว์ที่อยู่กับโครงการมรดกธรรมชาติแอละแบมา (Alabama Natural Heritage Program) ที่บริหารโดยพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติมหาวิทยาลัยออเบิร์น บอกซีเอ็นเอ็นว่า งูอินดีโกตะวันออกเป็นนักล่ายอดในอดีตในป่าสนใบยาวที่พวกมันอาศัยอยู่ การลดลงในประชากรของงูอินดีโกจึงมีผลกระทบแบบลูกโซ่ ต่อสายพันธุ์อื่นๆ ในระบบนิเวศ

ดังนั้น ในปี 2549 ทีมนักอนุรักษ์จากรัฐแอละแบมาเปิดโครงการเพื่อรื้อฟื้นงูอินดีโกตะวันออกในรัฐแอละบามา พวกเขาเริ่มผสมพันธุ์ประชากรงูที่อยู่ในกรง โดยเริ่มจากงูที่ถูกจับในป่าจากรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นที่พบงูอินดีโกตะวันออกด้วย ต่อมาในปี 2553 งูกลุ่มแรกจากประชากรในกรงถูกปล่อยเข้าไปในป่าสงวนแห่งชาติโคเนเคอ (Conecuh National Forest) เป้าหมายคือเพื่อให้งูทั้งหมด 300 ตัว สร้างประชากรงูที่แข็งแรงและมีชีวิตในรัฐแอละแบมา

การค้นพบงูอินดิโกตะวันออกที่เกิดในป่าหมายความว่า งูที่ปล่อยออกเข้าไปในป่าครั้งนั้นรอดตายและออกลูกหลาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความหวังสำหรับความสำเร็จของงูอินดีโกตะวันออกในรัฐแอละแบมา "เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีเยี่ยมว่า งูที่เกิดในกรงและเราปล่อยเข้าไปในป่าสามารถปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ ทำหน้าที่เป็นงูป่าและกำลังขยายพันธุ์" ก๊อดวินระบุ

ก๊อดวินระบุว่า งูอินดีโกตะวันออกที่พบเป็นงูที่เกิดในป่าอย่างชัดเจน เนื่องจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ ขนาดที่เล็ก และไม่มีเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ ลูกงูที่ฟักออกมามีขนาดเล็กกว่าลูกที่ปล่อยจากกรงอย่างชัดเจน ซึ่งปกติจะมีความยาวอย่างน้อย 2 ฟุต ขณะที่งูอินดีโกตะวันออกสามารถโตได้ยาวถึง 8 ฟุตเมื่อโตเต็มวัย และงูที่ปล่อยออกมาจะถูกติดเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ที่เรียกว่า "พิต" (PIT - passive integrated transponder) ซึ่งมีไมโครชิปขนาดเล็กที่ช่วยให้นักวิจัยสามารถระบุสัตว์แต่ละตัวได้ด้วยรหัสเฉพาะของสัตว์

กรมอนุรักษ์และทรัพยากรธรรมชาติ รัฐแอละแบมา ให้ข้อมูลว่า งูอินดีโกตะวันออกที่เกิดในป่าตัวแรกพบในรัฐแอละแบมาในปี 2563 ขณะที่ก๊อดวินระบุว่า งูทั้งสองที่พบเป็นความบังเอิญ เนื่องจากเป็นการยากที่จะออกไปค้นหา เนื่องจากมีขนาดเล็ก และสามารถหลบซ่อนตัวได้อย่างง่ายดาย

ในช่วงฤดูหนาว ทีมนักวิจัยของโครงการมรดกธรรมชาติแอละแบมาตรวจสอบโพรงของเต่าโกเฟอร์ ซึ่งเป็นที่ที่งูอินดีโกตะวันออกที่โตเต็มวัยจะผสมพันธุ์ในเดือนที่อากาศหนาวเย็น โดยหวังว่าจะสามารถระบุตัวตนของสัตว์เหล่านั้นได้

ก๊อดวินระบุว่า โครงการรื้อฟื้นงูอินดีโกตะวันออกเป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างมหาวิทยาลัยออเบิร์น กรมอนุรักษ์และทรัพยากรธรรมชาติ รัฐแอละแบมา กรมป่าไม้ของสหรัฐ กรมประมงและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ และหน่วยงานอื่นๆ ที่ให้ความร่วมมือ