ในปี 2568 นี้ โครงการ “คนละครึ่ง 2568” กลับมาอีกครั้งครับผม และแน่นอนว่าได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะถือเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วย “แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย” ของประชาชนได้จริง และยังสร้างรายได้ให้ร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศด้วย ในมุมมองผู้เขียนนะครับ โครงการนี้ถือเป็นการหมุนเงินในระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดโครงการหนึ่งของรัฐบาลไทยเลยทีเดียว จากที่ผู้เขียนได้พิจารณานะครับ การกลับมาของโครงการในปีนี้มาในชื่อว่า “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดจากเฟสก่อน ๆ เพิ่มทั้งความสะดวกในการลงทะเบียน และขยายสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมผู้ประกอบการรายย่อยมากขึ้น บทความนี้จึงอยากชวน ผู้อ่านทุกท่านครับ มารู้จักกับ “5 เรื่องต้องรู้ก่อนลงทะเบียนและใช้สิทธิคนละครึ่ง 2568” เพื่อให้ใช้สิทธิได้คุ้ม คิดก่อนคลิก และไม่พลาดสิทธิที่มีอยู่อย่างจำกัดครับ เรื่องที่ 1: รู้ก่อนใคร – คนละครึ่ง 2568 คืออะไร? “คนละครึ่งพลัส” คือโครงการที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยจ่ายค่าสินค้าและบริการให้ประชาชน ในสัดส่วน 50% ต่อรายการ สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อวัน และมียอดรวมตลอดโครงการ ไม่เกิน 2,000 – 2,400 บาทต่อคน โดยรัฐสนับสนุนครึ่งหนึ่งของราคาสินค้า เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงปลายปีครับ ในปี 2568 นี้ เปิดให้ใช้สิทธิได้ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการจับจ่ายใช้สอยปลายปี ทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก และค่าเดินทางต่าง ๆ จุดเด่นที่แตกต่างจากเฟสก่อน คือการปรับระบบให้เชื่อมกับข้อมูลภาษีของประชาชนครับ โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีรายปีจะได้รับสิทธิมากกว่าเล็กน้อย (2,400 บาทต่อคน) ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นภาษีจะได้สิทธิ 2,000 บาทต่อคนครับผม ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้คนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น เรื่องที่ 2: เงื่อนไขและคุณสมบัติที่ต้องรู้ก่อนลงทะเบียน ก่อนจะเริ่มกดลงทะเบียนในแอป “เป๋าตัง” ผู้อ่านทุกท่านครับ ควรตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองให้ครบถ้วนก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะทำให้ไม่ได้สิทธิ ผู้มีสิทธิลงทะเบียนต้องมีคุณสมบัติดังนี้ครับ: สัญชาติไทย อายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน มีบัตรประชาชน และใช้ข้อมูลตรงกับฐานข้อมูลกรมการปกครอง ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ไม่เคยถูกระงับสิทธิหรือเรียกคืนเงินจากโครงการรัฐ เช่น คนละครึ่งเฟสก่อน ๆ ลงทะเบียนผ่านแอป เป๋าตัง ระหว่างวันที่ 20 – 26 ตุลาคม 2568 เวลา 06.00 - 22.00 น. จากที่ผู้เขียนได้ชมนะครับ ระบบการลงทะเบียนปีนี้พัฒนาให้ “ตรวจสอบผลได้เร็วขึ้น” สำหรับผู้ที่เคยเข้าร่วมในเฟส 5 จะรู้ผลทันที ส่วนผู้ที่ใหม่ จะทราบผลภายใน 3 วันครับ ถือว่าสะดวกและลดความสับสนได้มาก เรื่องที่ 3: ขั้นตอนการลงทะเบียนและเริ่มใช้สิทธิ ในมุมมองผู้เขียนนะครับ ขั้นตอนปีนี้ง่ายมากขึ้นเยอะ ใครที่ใช้ แอปเป๋าตัง อยู่แล้วจะเข้าใจได้ภายในไม่กี่นาทีเลยครับ ขั้นตอนลงทะเบียนสำหรับผู้เคยร่วมโครงการ (เฟส 5): เข้าแอป เป๋าตัง → เลือกแบนเนอร์ “โครงการคนละครึ่งพลัส” อ่านเงื่อนไข และกด “ลงทะเบียน” ระบบจะแสดงข้อความยืนยันสิทธิทันที กด “ตกลง” และรอวันที่ 29 ตุลาคม เพื่อเริ่มใช้สิทธิ สำหรับผู้ที่ไม่เคยร่วมโครงการ: เข้าแอปเป๋าตัง → เลือก “คนละครึ่งพลัส” อ่านเงื่อนไข → กด “ลงทะเบียน” ตรวจสอบคุณสมบัติผ่าน SMS ภายใน 3 วัน เมื่อได้รับสิทธิ → เข้าใช้งานผ่านแบนเนอร์คนละครึ่งพลัส จากที่ผู้เขียนได้ลองทำเองนะครับ บอกเลยว่าง่ายมาก ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ถ้าอินเทอร์เน็ตไม่ช้า และเอกสารครบทุกอย่างครับผม เรื่องที่ 4: วิธีใช้สิทธิ “คนละครึ่งพลัส” อย่างคุ้มค่า เมื่อได้รับสิทธิแล้ว สิ่งสำคัญคือการใช้ให้คุ้มค่าและถูกต้องครับ โดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่เวลา 06:00 - 23:00 น. ของทุกวัน ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น ขั้นตอนการใช้จ่าย: เปิดแอปเป๋าตัง → เข้าแบนเนอร์ “คนละครึ่งพลัส” ให้ร้านค้าสแกน QR หรือผู้ใช้สแกน QR ของร้านค้า รัฐจะช่วยจ่าย 50% ของยอดทันที ส่วนที่เหลือหักจากเงินใน G-Wallet ของผู้ใช้ ข้อควรระวัง: ห้ามแลกเป็นเงินสด ห้ามถอน ห้ามใช้ซื้อบัตรของขวัญ สินค้าต้องเป็นสินค้าจริง เช่น อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป หรือบริการขนส่ง ห้ามใช้กับสินค้าต้องห้าม เช่น เหล้า บุหรี่ สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือบริการล่วงหน้า ในมุมมองผู้เขียนนะครับ การใช้สิทธิผ่านคนละครึ่งพลัสช่วยให้เรา “รู้สึกเหมือนของถูกลงทุกวัน” จริง ๆ เพราะการจ่าย 100 บาทแต่รัฐช่วย 50 บาทนั้นเห็นผลในชีวิตประจำวันชัดเจนมาก ยิ่งใครที่ใช้ซื้อของกินประจำ เช่น กาแฟ ข้าวเที่ยง หรือของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ จะเห็นความคุ้มค่าได้ชัดเจนครับ เรื่องที่ 5: ใช้สิทธิผ่าน Food Delivery ได้ด้วย อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของโครงการ คนละครึ่ง 2568 คือการเปิดให้ใช้สิทธิกับบริการ ฟู้ดเดลิเวอรี ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป ครับผม โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 - 21.00 น. สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ผ่านแอปฟู้ดเดลิเวอรี: ใช้ได้เฉพาะ “อาหารและเครื่องดื่ม” เท่านั้น รัฐสนับสนุนเฉพาะค่าอาหาร/เครื่องดื่ม ไม่รวมค่าจัดส่ง ห้ามเรียกเงินทอนเป็นเงินสด ต้องเป็นการซื้อขายจริง ไม่สามารถสั่งกับร้านตัวเองหรือคนรู้จักที่อยู่บ้านเดียวกัน จากที่ผู้เขียนได้ลองใช้ตอนเฟสก่อน ๆ นะครับ ต้องบอกว่ามันสะดวกมากจริง ๆ โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศหรืออยู่คอนโด เพราะไม่ต้องออกไปข้างนอกแต่ยังได้สิทธิส่วนลดเหมือนซื้อหน้าร้านเลยครับ สรุป: คนละครึ่ง 2568 – มากกว่าการช่วยจ่าย แต่คือแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในมุมมองผู้เขียนนะครับ โครงการ “คนละครึ่ง 2568” หรือ “คนละครึ่งพลัส” ไม่ได้เป็นเพียงนโยบายช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากให้หมุนเวียนอย่างแท้จริงครับ เพราะร้านค้ารายเล็กในชุมชนได้ยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ประชาชนก็มีแรงจูงใจในการใช้จ่าย อีกทั้งปีนี้รัฐบาลยังเน้นความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตด้วยระบบตรวจสอบธุรกรรมแบบ “face-to-face” ที่ชัดเจนขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าเงินที่อัดฉีดลงไปถึงมือคนไทยจริง ๆ ครับ สุดท้ายนี้ ผู้เขียนอยากฝาก ผู้อ่านทุกท่านครับ หากท่านยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการ ลองเปิดใจดูครับ เพราะขั้นตอนง่ายมาก ไม่ต้องเป็นคนเก่งเทคโนโลยี ขอเพียงมีแอปเป๋าตัง ก็พร้อมใช้สิทธิได้เลย อย่าลืมครับ! ลงทะเบียนระหว่าง 20 – 26 ตุลาคม 2568 และเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เท่านั้น ใช้ให้คุ้ม ใช้อย่างมีวินัย และช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปด้วยกันครับผม ภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก จาก Peggy Chai from Pixabay ภาพที่ 1 จาก Ilderson Casu from Pixabay ภาพที่ 2 จาก Pexels from Pixabay ภาพที่ 3 จาก Pexels from Pixabay ภาพที่ 4 จาก Như Đặng Thùy from Pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !