เครดิต Cover Photo: https://www.canva.com/รีวิว 3 นิยายแฟนตาซีที่จะทำให้การฝึกภาษาอังกฤษดูไม่น่าเบื่อ เครดิต https://www.lifeofpix.com/photo/self-portrait-library/ความยากของภาษาอังกฤษถือเป็นอุปสรรคให้กับเราหลายคนที่จะรู้สึกเบื่อ หรือท้อแท้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการท่องคำศัพท์ที่มีเป็นหมื่นๆคำ จำความหมายที่ชวนสับสน หรือรูปแบบการใช้ไวยากรณ์มากมายที่ชวนงง ซึ่งสมัยก่อน...ตัวเราเองก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะมีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นง่ายขึ้นและมี"ความอยาก"เรียนรู้ตลอดเวลาและในที่สุดที่เราก็พบว่า “การอ่านนิยายแฟนตาซี” คือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสนุกกับการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ การใช้ไวยากรณ์ในการบรรยายสถานการณ์ต่างๆ และตื่นเต้นเร้าใจทุกครั้งที่พลิกหน้าต่อไปในเวลาเดียวกันดังนั้น 3 นิยายแฟนตาซีที่เรากำลังจะนำเสนอ ณ บัดนี้ จะเริ่มตั้งแต่ง่าย ปานกลาง ไปจนถึงยาก ใครที่ชอบอ่านแฟนตาซีเป็นทุนเดิมหรืออยากลองหันมาอ่านแนวนี้อยู่แล้วก็ลองไปดูกันเลยค่ะ Keeper of the Lost Cities by Shannon Messenger (ระดับง่าย) ภาพโดย: ผู้เขียนความสนุก : 4/5ความยากของภาษา : 3/5ความแปลกใหม่ : 3.5/5 ใครที่ชอบแนวเวทมนตร์แบบ “Harry Potter” และแนวผจญภัยแบบ “Percy Jackson” เราขอนำเสนอเรื่องนี้ Keepers of The Lost Cities ซึ่งเรื่องราวจะพูดถึงเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่า “โซฟี” สาวน้อยอายุ 12 ปี ที่ทั้งฉลาดและซุกซน เธอมีพลังจิตที่สามารถอ่านใจทุกคนได้ นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดและแตกต่างจากคนทั่วไป วันหนึ่ง “ฟิกซ์” เด็กชายผู้มีพลังเช่นเดียวกับเธอนั้นได้พาเด็กสาวไปพบกับดินแดนหนึ่ง ซึ่งที่นั่นจะเป็นบททดสอบพลังของเธอและเปิดเผยความลับที่ไม่มีใครบนโลกรับรู้ นอกจากบุคคลที่ถูกเลือก คำศัพท์ส่วนใหญ่เป็นคำที่เราสามารถใช้และพบเห็นในชีวิตประจำวันทั้งนั้น ไวยากรณ์โดยรวมในเรื่องที่ถือว่าไม่ยากจนเกินไป ระดับภาษาของเรื่องนี้จัดอยู่ในระดับที่เด็กอายุ 7 ถึง 12 ปี สามารถเข้าใจเนื้อหาข้างในหนังสือได้ เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่เริ่มก้าวเข้าสู่การอ่านนิยายภาษาอังกฤษมากๆเลยค่ะ 2. Skulduggery Pleasant series โดย Derek Landy (ระดับปานกลาง) ภาพโดย: ผู้เขียนความสนุก : 4.5/5ความยากของภาษา : 3.5/5ความแปลกใหม่ : 4.5/5 สำหรับคนที่ชอบนิยายสืบสวน หรืออยากอ่านแนวตลกขบขัน ไม่เน้นดราม่า เราขอแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ Skulduggery Pleasant เมื่อนักสืบที่ตายไปแล้วและฟื้นคืนชีวิตกลับมาในสภาพที่เหลือแต่โครงกระดูก กลับต้องมาจับคู่กับ “สเตฟานี” เด็กสาววัย 13ปีที่บังเอิญเข้ามาพัวพันกับภารกิจอันยิ่งใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัว เราขอบอกเลยค่ะว่าการผจญภัยในเรื่องนี้จะทำให้เราขำกลิ้งไปกับมุกฝืดๆของนักสืบ ตะลึงกับการหักมุมของปริศนาต่างๆ รวมทั้งได้เห็นการเจริญเติบโตของตัวละครที่เราต้องเอาใจช่วยและลุ้นไปกับพวกเขาในทุกสถานการณ์ ระดับภาษาของเรื่องนี้อยู่ในระดับอายุ 10 ถึง 15 ปี ดังนั้นไวยากรณ์และคำศัพท์ในเรื่องนี้จัดว่าปานกลาง ไม่ง่ายและก็ไม่ยากจนเกินไป แม้จะมีบางคำศัพท์ที่อาจจะเข้าใจยาก แต่นักเขียนยังมีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษบรรยายเนื้อหาที่กระชับ ชัดเจน และทำให้นักอ่านอย่างเราสามารถทำความเข้าใจกับเรื่องราวในหนังสือได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่มีความเข้าใจในภาษาอังกฤษระดับพอใช้ได้และอยากพัฒนาไปอีกระดับค่ะ 3. “Mortal Engines” โดย Philip Reeve (ระดับยาก) ภาพโดย: ผู้เขียนความสนุก : 4/5ความยากของภาษา : 4/5ความแปลกใหม่ : 5/5 เนื้อหาของเรื่องจะพูดถึง “ทอมัส” พระเอกที่ดันไปช่วยชีวิตนักประวัติศาสตร์ชื่อดังจากเด็กสาวผู้เป็นมือสังหาร แทนที่จะได้รับรางวัล เขากลับถูกผลักตกลงมาจากเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยล้อยักษ์เพื่อฆ่าปิดปาก เนื่องจากได้ล่วงรู้แผนการอันชั่วร้ายของชายผู้ที่เขาช่วยชีวิต หลังจากเหตุการณ์นั้นทอมัสจึงต้องร่วมมือกับ “เอสเธอร์” เด็กสาวนักสู้ที่มีความแค้นส่วนตัวกับนักประวัติศาสตร์คนนั้น เพื่อหยุด “แผนการร้าย” ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงด้วย"สงคราม 60 วินาที" การเดินทางของทั้งสองนั้นจะเต็มไปด้วยอันตราย มิตรภาพ ความรัก การหักหลัง การแก้แค้น สงครามและอำนาจ เราขอการันตีเลยว่าหลังจากที่ทุกคนอ่านจบ นิยายเรื่องนี้จะเป็นที่จดจำในใจทุกคนไปอีกนาน... “เรื่องของการใช้ภาษา” เรานับถือนักเขียนท่านนี้มากๆ เขาให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาที่สามารถทำให้เราได้เห็นภาพใหญ่ เช่น เมืองใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อยักษ์ หรือฉากต่อสู้ที่รวดเร็วและสมจริง แม้กระทั่งช่วงบทสนทนายังสามารถใช้ไวยากรณ์และคำศัพท์ที่สามารถทำให้นักอ่านเข้าใจและเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องก็ใช้คำศัพท์เฉพาะทางเช่นกัน อาจมีบ้างที่เราจะเห็นคำที่ไม่คุ้นเคยหรือถูกใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนความยากของไวยากรณ์นั้นถือว่าปานกลาง ช่วงที่นักเขียนบรรยายถึงลักษณะของเมืองหรือบรรยากาศในสงคราม อาจทำให้คนที่เพิ่งเริ่มฝึกภาษาอังกฤษรู้สึกงงบ้าง ดังนั้นเราขอแนะนำให้ลองทำความเข้าใจดู พยายามนึกภาพ และลองเปิดดูรูปภาพในอินเทอร์เน็ต เพื่อเช็คดูว่าฉากที่เราพยายามทำความเข้าใจหรือนึกภาพ มันตรงกับที่เราคิดไว้รึเปล่า เพราะนิยายเรื่องนี้นักอ่านหลายคนได้จำลองฉากที่นักเขียนได้บรรยายไว้ออกมาได้ชัดเจน ละเอียดและตรงตามหนังสือ เราเองว่าก็วิธีนี้เหมือนกันและมันช่วยได้มากๆ **สำหรับนักอ่านคนไหนอยากจะหาซื้อนิยายฝึกภาษาอังกฤษ เราขอแนะนำ 2 เว็บไซต์นี้ที่เรามักซื้อประจำค่ะ**1. "Asia Books" ภาพโดย https://www.asiabooks.com/ ความพิเศษของสำนักพิมพ์นี้คือ...ถ้าหนังสือเรื่องไหนออกหลายเล่มหรือมีหลายภาค ที่นี่จะขายแบบรวดเดียวครบเซ็ตค่ะ!! เรียกได้ว่าอารมณ์ไม่ค้างและแทบไม่ต้องรอถึงปีหน้ากันเลยดีทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น นิยายเรื่อง Keeper of the lost cities ปัจจุบันมี 8 ภาคแล้ว ซึ่งทาง Asia Books ก็ได้วางจำหน่ายครบทุกภาคเรียบร้อย ความพิเศษอย่างที่ 2 ของสำนักพิมพ์นี้คือ...โปรโมชั่นที่นี่ก็จัดเต็มจริงๆ คือลดเยอะมากๆ เช่น ราคาสมาชิกก็ยิ่งได้ลดมากขึ้น เช่นไปซื้อหน้าร้านลดปกติ 10 % หนังสือต่างประเทศ, 5% หนังสือภาษาไทย/นิตยสาร/สั่งออนไลน์ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทาง Asia Books เพิ่งจะออกโปรโมชั่นลด15%และ ได้จัดส่งฟรีทั่วไทยแล้วค่ะ!! อย่าพลาดกันนะคะทุกคน!! 2. "Amazon" ภาพโดย https://www.amazon.com/ref=nav_logo ความพิเศษของ Amazon นี้ก็ไม่แพ้ Asia Books เช่นกันค่ะ สิ่งที่เราชอบในเว็บไซต์นี้คือ คำวิจารณ์ ค่ะ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบอ่านรีวิวจากคนอื่นอยู่แล้ว เว็บนี้ถือว่าตอบโจทย์เราค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เราจะซื้อ Mortal Engines เราแอบกังวลว่ามันจะไม่สนุกเท่าไหร่ เนื่องจากหนังที่สร้างจากหนังสือเล่มนี้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ แต่เมื่อเราเข้าไปอ่าน Comments ของคนที่ซื้อนิยายเรื่องนี้แล้ว เราตัดสินใจซื้อทันทีค่ะ เพราะนักอ่านต่างให้คะแนนเรื่องนี้สูงมาก แถมยังวิจารณ์แบบตรงไปตรงมาว่าเรื่องนี้ดียังไงและต่างจากภาพยนต์ยังไง ดังนั้นใครที่อยากอ่านคำวิจารณ์ก่อนซื้อ เราแนะนำให้ซื้อผ่าน Amazonค่ะ อีกอย่างที่เราชอบเว็บไซต์นี้ คือ ที่นี่มีให้เลือกด้วยว่าเราต้องการแบบมือหนึ่งหรือมือสองค่ะ ที่สำคัญยังมีระดับให้เลือกอีกด้วยว่าเราอยากได้มือสองขนาดไหน เช่น สมมติว่าหนังสือมือหนึ่งราคา 33$ มือสองระดับแบบยังคงสภาพดีอยู่ก็จะราคา 30-25$ แต่ถ้าแบบมีรอยบ้างหรือเก่าแล้ว ราคาจะตกอยู่ที่ 20-7$ ค่ะ หวังว่าสิ่งที่เราแนะนำไปจะทำให้ทุกคนรู้สึกอยากเรียนภาษาอังกฤษไม่มากก็น้อย บางคนอาจมีวิธีการเรียนที่แตกต่างกัน แต่เราเชื่อว่า “การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ต้องแสวงหา ไม่ใช่รอให้ความรู้มาหา” เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการเรียนภาษาอังกฤษนะคะ อย่าเพิ่งท้อแท้และสิ้นหวัง เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลาและฝึกฝนทักษะด้วยความขยันหมั่นเพียร ขอให้พยายามต่อไป เพราะเมื่ออนาคตมาถึง เราจะได้ความสำเร็จเป็นสิ่งตอบแทนค่ะเครดิต https://www.pexels.com/th-th/photo/1105564/