ในยุคที่เงินทองหายาก และการมองหาช่องทางเพิ่มรายได้เป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อการใช้ชีวิต ดังนั้นอะไรที่จับต้องได้ ทำได้แบบที่ไม่ต้องลงทุนมากนักก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเลย อันที่จริงการหาสินค้าสักชิ้นมาทำกำไรแบบซื้อมาขายไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ประเด็นคือมันต้องสต๊อก ต้องจัดส่งของต้อง QC รับผิดชอบต่อคุณภาพของสินค้าที่ขายไป ถ้าสินค้าดีไม่มีปัญหาก็ดีไป แต่ถ้าสินค้าเกิดปัญหาหรือลูกค้าซื้อไปใช้งานแล้วไม่ดีแล้วละก็ คงมีอาการหัวจะปวดขึ้นมาแน่เลย ดังนั้นผมเลยโฟกัสมาที่งานด้านบริการซึ่งน่าจะใช้เงินลงทุนด้านการเงินน้อยกว่า ดังนั้นความคิดในการหาข้อมูลเพื่อสอบใบขับขี่สาธารณะจึงเริ่มต้นขึ้น และขอบอกเลยว่าเป็นการได้ขับรถบรรทุก 6 ล้อครั้งแรกในชีวิตของผมเลยครับผมเองก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะทดสอบขับรถบรรทุกตอนอายุใกล้จะเลข 5 ใบขับขี่รถสาธารณะคือใบขับขี่ประเภทที่ 2 แบ่งเป็นแบบ บ.2 และ ท.2 ครอบคลุม รถขนส่งสาธารณะเช่น รถขนส่งส่วนบุคคล, รถหกล้อ, รถสิบล้อ, รถเมล์, รถตู้ (หมายถึงรถที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่า 3,500 กก. ถ้าน้ำหนักบรรทุกรวมไม่เกิน 3,500 กก ก็จะเป็นประเภทที่ 1 คือรถส่วนบุคคลครับก็แบ่งเป็น บ.1 กับ ท.1 เหมือนกัน เช่น รถแท็กซี่, รถเก๋ง) ครับ ส่วนที่แตกต่างคือ แบบ บ.2 ใช้กับรถขนส่งป้ายขาว เช่น รถกระบะส่งของ ส่วน ท.2 ใช้กับรถขนส่งเชิงพาณิชย์ (ป้ายเหลือง) สำหรับขั้นตอนคือต่างกันคือ แบบ ท.2 ผู้ขอจะต้องถูกตรวจสอบประวัติอาชญากรย้อนหลัง 3 ปีจากกองทะเบียนพิสูจน์หลักฐานก่อนจะไปขอรับใบขับขี่ได้ ซึ่งใช้เวลาในการขอใบตรวจประวัติพอสมควรเลยแต่แบบ บ.2 ไม่ต้องขอ สามารถยื่นเอกสารขอรับใบขับขี่เมื่อสอบผ่านได้เลย โดยทางกรมขนส่งจะเปิดให้ทำการทดสอบแค่เดือนละ 2 ครั้งเท่านั้นต้องลองตรวจสอบกับกรมขนส่งด้วยนะครับ และโรงเรียนที่ให้บริการในส่วนนี้ก็จะเปิดให้สมัครได้ในช่วงเวลาที่สอดคล้องกับกรมขนส่งครับ ด้วยว่าผมมีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลอยู่แล้ว (ผู้ที่จะทำใบขับขี่สาธารณะต้องมีใบขับขี่มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี) ดังนั้นจึงลองทำการจองคิวนัดเพื่อขอสอบใบขับขี่รถยนต์สาธารณะที่ขนส่งฯ โดยได้ทำการเข้ารับการอบรมแบบออนไลน์จากเว็ปไซด์ของกรมขนส่งเป็นเวลารวมประมาณสัก 4 ชั่วโมงโดยประมาณ เป็นการดูวิทยากรบรรยายไปสลับกับทำ Test เป็นระยะๆ ในแต่ละบทเรียน เมื่อผ่านการอบรมเรียบร้อยและได้ใบผ่านการอบรมออนไลน์จากกรมขนส่งเรียบร้อยก็เกิดเรื่องที่ผมไม่ได้คาดคิดขึ้นคือเมื่อ log In แล้ว “ผมจองคิวเพื่อเข้าทดสอบที่ขนส่งผ่านแอปฯไม่ได้” ก็เลยใช้วิธีดั้งเดิมคือโทรเข้า Call Center เพื่อสอบถามรายละเอียดก็ปรากฏว่าผมก็ไม่สามารถผ่านด่านเครื่องตอบรับอัตโนมัติได้ จึงลองหาข้อมูลใหม่คือบริการสอบใบขับขี่ตามโรงเรียนสอนขับรถของเอกชน ซึ่งสุดท้ายก็ต้องอบรมใหม่อยู่ดีครับ มาถึงจุดนี้บอกเลยครับว่าหลังจากค้นข้อมูลอยู่พักใหญ่ก็พบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกว่าสามารถจ่ายเงินแล้วอ้างว่าสามารถรอรับใบขับขี่ได้เลยแฝงตัวบนออนไลน์อยู่หลายเจ้า ดังนั้นผมขอแนะนำและเตือนผู้ที่จะทำใบขับขี่กับบริษัทฯ ที่อ้างว่าไม่ต้องสอบ, จ่ายเงินแล้วรอรับใบขับขี่ที่บ้านได้เลยครับว่า “ไม่จริง” ครับ เพราะกรมขนส่งเองได้ออกแบบระบบการป้องกันการทำใบขับขี่เถื่อนหรือใบขับขี่ปลอมไว้อยู่แล้ว ดังนั้นท่านอาจเสียเงินไปเปล่าๆ ครับ ทีนี้ลองมาดูว่าขั้นตอนที่กรมขนส่งออกแบบร่วมกับโรงเรียนสอนขับรถเอกชนในการสอนและสอบใบขับขี่มีขั้นตอนอย่างไรกันบ้าง จุดหลักๆ ของระบบการสอบใบขับขี่ในจากโรงเรียนสอนขับรถของเอกชนก็จะมีขั้นตอนคล้ายกับที่เราทำที่ขนส่งครับโดยขั้นแรกทางโรงเรียนฯ จะทดสอบสมรรถภาพทางกายเช่น การเหยียบเบรกในเวลาที่กำหนด, การทดสอบตาบอดสี เป็นต้น และต้องได้รับการยืนยันตัวตนการเข้ารับการอบรมครบตามจำนวนชั่วโมงตามที่กรมขนส่งกำหนด (กรณีใบขับขี่สาธารณะประเภท 2 คือ 30 ชม.) ด้วยบัตรประชาชนและลายนิ้วมือผ่านเครื่องสแกนเป็นระยะๆ ของทั้งผู้เข้าอบรมและวิทยากร (รวมๆ แล้วน่าจะต้องสแกนกันหลายสิบรอบกันเชียวครับ) จากนั้นเมื่ออบรมครบตามเวลาที่กำหนดแล้วก็จะทำการสอบข้อเขียนและปฏิบัติ โดยข้อดีของการเรียนสอบของโรงเรียนสอนขับรถก็คือครูผู้สอนจะแนะแนวข้อสอบให้ครับว่าเรื่องไหนมักมีในข้อสอบบ้าง ส่วนเวลาสอบจริงจะเหมือนกับที่เราสอบที่ขนส่งเลยครับคือต้องยืนยันตัวตน (อีกแล้ว) และระบบก็จะ Random ข้อสอบ โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพผู้เข้าสอบในขณะทำการสอบไว้ด้วยเพื่อยืนยันความโปร่งใสของการสอบว่าจะไม่มีการทุจริต หรือตุกติกใดๆ การจองคิวเพื่อยื่นเอกสารกับขนส่งจะใช้กระบวนการออนไลน์เหมือนปกติ และมีค่าดำเนินการที่ขนส่ง 305 บาท แต่ช่วงนี้กรมขนส่งใจดีลดให้ 100 บาท เหลือ 205 บาท จากนั้นทางขนส่งฯ จะให้เอกสารส่งตัวเราไปยื่นขอใบตรวจสอบประวัติอาชญากรรมย้อนหลัง 3 ปีตามเงื่อนไขการทำใบขับขี่สาธารณะด้วยนะครับ (ท.2) จากนั้นเมื่อเรียบร้อย เอกสารครบ ก็รอไปรับใบขับขี่รถสาธารณะตามวันและเวลาที่ทางขนส่งนัดหมายได้เลย โดยใบขับขี่รถยนต์แบบสาธารณะนั้นมีอายุ 3 ปี และอบรมทุกครั้งๆ ในการต่ออายุครั้งละ 2 ชม. ด้วย หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงเห็นภาพรวมคร่าวๆ ของระบบแล้ว ส่วนการสอบภาคปฏิบัติก็จะมี 3 ท่าคือ การจอดชิดขอบทางไม่เกิน 25 ซม., การถอยหลังทางยาว และการถอยหลังเข้าซองเพื่อจอดโดยการทดสอบจะใช้รถบรรทุก 6 ล้อสำหรับสอบนะครับ โดยข้อดีของการสอบภายใต้การดูแลของโรงเรียนสอนขับรถก็คือทางผู้สอนจะให้เราซ้อมก่อนครับ จนกว่าเราจะพอใจแล้วจึงทำการทดสอบโดยต้องแจ้งผู้สอนว่าจะทำการสอบจริง ซึ่งทางโรงเรียนก็จะมีกล้องวงจรปิดถ่ายเพื่อส่งเป็นหลักฐานให้กรมขนส่งอีกทีครับ ถ้าไม่ผ่านเราก็สามารถขอสอบซ่อมได้ตามท่าที่ไม่ผ่านที่โรงเรียนนั้นเลยครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีไอเดียที่จะทำใบขับขี่แบบสาธารณะประเภท 2 กับโรงเรียนสอนขับรถของเอกชนนะครับ ขอให้ขับขี่ตะหนักถึงความปลอดภัยเป็นหลักกันทุกคนนะครับ เรื่องและภาพประกอบโดย Stromhead เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !