เครือข่าย ภปค.หอบกว่า 1 แสนรายชื่อยื่น 'ชวน' ชงแก้ กม.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ภปค.) พร้อมด้วยเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา องค์กรด้านเด็ก เยาวชน แอลกอฮอล์วอช และตัวแทนสมาชิก ภปค. ยื่นรายชื่อประชาชน จำนวน 107,644 รายชื่อ เพื่อร่วมเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. …. ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายภาคประชาชนได้แต่งกายสะท้อนผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายมิติ เช่น อุบัติเหตุ ความรุนแรงในครอบครัว อาชญากรรม รวมถึงมีการชูป้ายข้อความต่างๆ ด้วย
ตัวแทนภาคีฯกล่าวว่า สาระสำคัญของร่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับของ ภปค.ยึดเจตนารมณ์เดิมของกฎหมายไว้อย่างเคร่งครัด เช่น การป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ปกป้องเด็กและเยาวชน การคุ้มครองสุขภาพของประชาชนและการลดผลกระทบทางสังคม ห้ามการใช้ตราเสมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาโฆษณา ปรับลดโทษในฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับผู้ดื่ม เพิ่มสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งกับร้านค้าหรือผู้ที่ขายให้คนเมาครองสติไม่ได้ หรือขายให้เด็กและไปเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น
ตัวแทนภาคีฯกล่าวด้วยว่า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ใช้มานานกว่า 13 ปี ทำให้ข้อกฎหมายบางอย่างตามไม่ทันกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการใช้สื่อสมัยใหม่ การมีผู้ผลิตรายใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้นำเข้ารายใหญ่ยังมีการทำผิด แต่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้มีการยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับแก้ไขออกมาในนามรัฐบาล ขณะเดียวกันฝั่งภาคธุรกิจที่เสนอร่างแก้ไขเข้ามาด้วยเช่นเดียวกัน แต่ฉบับของฝั่งธุรกิจพบว่ามีการปรับเนื้อหาที่น่ากังวลว่าเป็นการส่งเสริมการขาย และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าการควบคุม จึงนำรายชื่อมายื่นต่อประธานสภาเพื่อขอให้พิจารณาคงไว้ซึ่งเจตนารมณ์เดิม เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มากขึ้น และขอย้ำว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายควบคุม การจะส่งเสริมหรือว่าด้วยการผลิต ลดการผูกขาดนั้น ต้องไปว่ากันที่ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ไม่ใช่มารื้อกฎหมายฉบับนี้จนถอยหลังลงคลอง
ด้านนายสมบูรณ์กล่าวว่า จะรับรายชื่อดังกล่าวไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยจะนำรายชื่อทั้งหมดไปตรวจสอบความถูกต้องตามกระบวนการ และรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากผ่านทุกขั้นตอนก็จะนำเสนอประธานสภาต่อไป