รถสปอร์ตจากค่าย Toyota มีหลากหลายรุ่นมากแต่ก็มีหนึ่งรุ่นที่ถือว่าเป็นตัว Top ที่หลายคนอยากได้มาครอบครองคือ Toyota Supra A80 ครับ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็คงเป็นเพราะว่ามันคือรถสปอร์ตที่ครบเครื่องทั้งรูปร่างที่ทันสมัย แม้ว่ารถรุ่นนี้จะมีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไปแล้ว มันก็ยังคงความงามอยู่ บวกกับเครื่องยนต์ 2JZ-GE ในตำนานที่รีดแรงม้าได้มหาศาล ปรับจูนได้ง่ายแถมยังทนทานอีกด้วยแม้ว่า Toyota Supra จะมีเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าเช่น A40, A60, A70 แต่ว่ารุ่น A80 ถือว่าเป็นการพลิกโฉมหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์, ช่วงล่าง, รูปทรง Coupe สปอร์ตเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้คนที่นิยมรถซิ่งมักจะหารุ่น A80 มาใช้งาน ความนิยมนี้ยังถูกนำเสนอผ่านภาพยนตร์หรือการ์ตูนอีกมากมาย จนถึงปัจจุบันแม้ว่า Toyota จะยุติการผลิต Supra ไปนานมาก แต่ปัจจุบันเราก็จะเห็น A80 วิ่งบนถนนอยู่ที่มารูปภาพ: Tim Meyer on Unsplashแต่มันก็เป็นไปตามกาลเวลาเมื่อเก่าไปใหม่ก็ต้องมา ล่าสุดเมื่อต้นปี 2019 ทาง Toyota ก็ได้ปลุกชีพ Supra อีกครั้ง พร้อมเปิดตัวในไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ในเจนเนอเรชั่นที่ 5 ในชื่อ GR Supra A90 ครับ มาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ด้านรูปทรงรถ, เครื่องยนต์, ภายใน, เทคโนโลยี แต่ขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนเดิม ซึ่งสร้างความฮือฮา เป็นกระแสพอควรในหมู่นักเล่นรถกับสาวก Supra ที่รอคอยกว่า 17 ปีการมาครั้งนี้ดูผิวเผินเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะครับ ทว่าหลังจากการเปิดตัวรถไปก็มีหลายเสียงเหมือนกันที่บอกว่า "ผิดหวัง" กับการกลับมา ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายเสียงบอกว่า "มันพัฒนาดีกว่าเดิม" ทำไมถึงมีสองกระแสจากรถคันเดียว มันก็คงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่หลายคนอาจจะรับได้และรับไม่ได้กันล่ะครับ เราลองมาดูกันดีกว่าว่าทำไมสาวกบางส่วนถึงไม่โอเคกับ A90 คันใหม่นี้ที่มารูปภาพ: sebastiaan stam on Unsplashถึงจะได้ชื่อว่าเป็น Supra ใหม่แต่สิ่งที่หลายคนคาดหวังไว้ต้องผิดหวังอย่างแรกเลยคือ "เครื่องยนต์" จากรุ่นก่อน A80 ได้ใช้บริการ 2JZ-GE ตัวแรงยอดนิยม พอมาเป็น A90 ทางผู้ผลิตกลับมีนโยบายแชร์แพลตฟอร์มกับทาง BMW เลยได้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 เทอร์โบ Twin scroll พร้อมระบบ Direct Injection แทน แม้ว่าตัวเลขแรงม้าเดิม ๆ จะให้มากกว่ามาก (340 แรงม้า) แต่ก็ทำให้สาวกผิดหวังว่าจะสานต่อเครื่องเดิมให้เจ๋งขึ้นด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ 2JZ-GE ที่สามารถรีดพละกำลังได้สูง สามารถจูนเพิ่มแรงม้าได้อีกมาก อีกทั้งทนทาน การจะสานต่อเครื่องยนต์ตัวนี้จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากครับ แต่ว่าทาง Toyota เองกลับเลือกไปคบหาเครื่องยนต์จากฝั่งเยอรมันแทน ก็คงทำให้เอาสาวกเซ็งไม่น้อยครับ Supra เองก็เป็นรถเรือธงในค่ายสามห่วง ที่ก่อนหน้าก็ผลิตโดย DNA ญี่ปุ่นแท้ ๆ แต่พอมาเป็น A90 ก็ราวกับว่ามันคือรถลูกครึ่งญี่ปุ่น-เยอรมันเสียอย่างนั้นที่มารูปภาพ: June Dalton on Unsplashความผิดหวังเรื่องเครื่องยนต์แล้ว ก็มาต่อที่รูปทรงภายนอกด้วยครับที่ First Impression ไม่น่าประทับใจมากนัก ดูเป็นรถสปอร์ตที่ไม่สมส่วน หลายคนบ้างก็วิจารณ์ว่ากระจังหน้ามีช่องรับลมใหญ่เกินไป ด้านท้ายบ้างก็ว่าไม่สวยงามเลยเมื่อออกแบบเป็นท้ายตูดเป็ด นี่ยังไม่รวมระบบเกียร์หรือภายในห้องคนขับก็แทบจะยก BMW Z4 มาไว้เพียงแต่แปะตรา Toyota เท่านั้นมันก็เลยทำให้ภาพในฝันหลาย ๆ คนสลายไปทันทีเมื่อพบกับรูปโฉมรถจริง ๆ ครับ อีกทั้งการนำเกียร์อัตโนมัติ เทคโนโลยีช่วยการขับขี่มาใส่เพิ่มเติมทั้งด้านสมรรถนะและความบันเทิง มันก็ทำให้ลดทอนความดิบลงไปพอสมควร ซึ่งมันก็เป้นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ในสมัยนี้ครับที่ต้องใส่สิ่งเหล่านี้เข้ามา เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ การจะให้ไปย้อนยุคเน้นความดิบเถื่อน ของเกียร์ธรรมดาก็คงจะไม่มีวันนั้นแล้วยังไม่รวมถึงแพลตฟอร์มโครงสร้างรถที่แชร์กับ BMW Z4 มันก็ยิ่งทำให้หลายคนแซวว่าไม่มีความเป็นตัวเอง บ้างก็ว่าไปซื้อ Z4 ขับจะดีกว่าถึงกระแสลบจะว่าอย่างไรแต่มันก็มีข้อดีทดแทนที่ Supra รุ่นเก่าไม่อาจหาได้ครับทั้งแรงม้า-แรงบิดที่มากขึ้น ทำเวลา 0-100 กิโลเมตรได้ที่ 4.3 วินาที มีปรับเปลี่ยนโหมดจาก Normal เป็น Sport ได้ การกระจายน้ำหนักรถที่สมดุล 50:50 อีกทั้งการดีไซน์ของมัน แม้หลายคนจะบอกว่าไม่สวยแต่แท้จริงแล้วมันได้แรงบันดาลใจจาก Toyota 2000GT ปี 1960 บรรพบุรุษของ Supra นั่นเองที่มารูปภาพ: Garvin St. Villier จาก Pexelsนอกจากนี้คุณ Akio Toyoda ประธานหัวเรือใหญ่ของ Supra A90 ก็มีความคิดว่าต้องการรถที่ขับสนุกและมีราคาจับต้องได้ไม่แพงมากเกินไป เลยทำให้ Supra A90 มีหน้าตาอย่างที่เห็นครับสรุปแล้วสิ่งที่ A90 มีคนไม่ชอบก็จะเป็นการร่วมมือกับทาง BMW ในแทบทุกส่วนของรถ ลดทอนความดิบเถื่อนจากรุ่นก่อนและความเป็น DNA ญี่ปุ่นแท้ลงไปมาก บวกกับความคาดหวังที่มันจะเป็นรถตัวแรงที่เทียบชั้นกับ GT-R ได้ ก็ยิ่งผิดหวังที่ผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ ถึงอย่างเราก็พอจะเข้าใจได้ถึงแนวคิดการผลิต ที่ต้องการให้รถมีราคาจับต้องได้ ดังนั้นการแชร์อะไหล่ร่วมกันกับค่ายรถอีกค่าย จึงเป็นวิธี Save Cost ได้มาก ประสิทธิภาพสมรรถนะก็ดีขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งฟีลลิ่งการขับขี่ก็ยังต่างจากฝาแฝด Z4 โดย A90 จะหนักไปทางการขับสนุกเร้าใจมากกว่าที่มารูปภาพ: Erik Mclean on Unsplashการผลิตรถมาสัก 1 คันย่อมมีคนรักและคนเกลียด เป็นธรรมดาของโลกนี้อยู่แล้วล่ะครับ ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็มีความเห็นกับ Supra A90 เหมือนกับที่เขียนมาข้างต้นครับ แต่ว่าเมื่อมองไปนาน ๆ มันก็มีความสวยงามไปอีกแบบ ส่วนความแรงกับราคานั้นผู้เขียนเห็นว่ามันก็สมส่วนกัน เหมาะกับราคาที่ตั้งไว้ในไทยเกือบ 5 ล้านบาทครับที่มารูปภาพปก: Denin Lawley on Unsplash