ชวนอ่าน: "ปลาดิบแดดเดียว" รู้จักญี่ปุ่นให้ดีขึ้นด้วยหนังสือเล่มเดียว ในช่วงเวลาที่เราทุกคนต้อง #หยุดเชื้อเพื่อชาติ จะมีอะไรนั้นดีไปกว่าการได้หยิบหนังสือที่กองพะเนินจนหาที่เดินไม่ได้ในห้อง หยิบขึ้นมานั่งอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ ถ้ามองในแง่ดี อย่างน้อยช่วงนี้ก็มีเวลาอยู่บ้านอ่านหนังสือที่ซื้อมา . . หนังสือเล่มสีแดงน่ารักนี้ชื่อว่า ปลาดิบแดดเดียว ซื้อไว้นานจนลืมไปแล้วว่าเมื่อไหร่ จนแอบเหลือบอ่านเรื่องย่อถึงพอจำได้ว่า เห้ย นี่มันเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นนนี่นา เราชอบญี่ปุ่นมาก จากทีแรกที่ไม่ได้ประทับใจอะไรนัก จนโดนเพื่อนตื๊อให้ลองไป ปรากฏว่าตั้งแต่กลับมาเมื่อสองปีที่แล้ว ใจก็ยังคิดถึงญี่ปุ่นมาตลอด ทำให้ไลฟ์สไตล์การอ่านหนังสือของเราเองก็เปลี่ยนไปด้วย เราชอบอ่านวรรณกรรมแปลของญี่ปุ่นมากขึ้น หรือ อ่านเรื่องราวของญี่ปุ่นมากขึ้น เพราะตั้งใจว่า ถ้าไปอีกครั้งจะได้อินกับความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าเดิมPhoto: Chachii:หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมคอลัมน์ฮิตของ a day ที่ชื่อว่า team pladib จนทำให้เกิดหนังสือน่ารักน่าอ่านเล่มนี้ขึ้นมา บอกเล่าจากประสบการณ์ของ เรียวตะ ซูซูกิ นักเขียนที่เกิดและอาศัยอยู่ญี่ปุ่นมากว่า 20 ปี มากพอที่จะเห็นและสัมผัสความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างสองชาติ และยกมาเล่าให้เป็นเรื่องสนุกแต่แอบแฝงไปด้วยสาระข้อคิด . . ไม่ได้เล่าแค่ให้เห็นภาพ แต่ในมุมดี ๆ ของญี่ปุ่นนั้น การที่เราได้อ่านก็อยากจะนำมาปรับใช้กับบ้านเรา เพื่อที่จะได้พัฒนาให้ดีขึ้น และยังมีวัฒนธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แตกต่างกัน อาทิ คนไทยมักไม่ค่อยทักทายกัน (หมายถึงเวลาเจอกันจริง ๆ ) ต่างจากฝรั่ง หรือ ญี่ปุ่นมาก ๆ ที่ทักทายกันตลอดเวลาที่เจอ เช้า สาย บ่าย ค่ำ จะต้องมีการทักทายกันเกิดขึ้น ซึ่งถ้ามีใครสักคนมาทักเราคงรู้สึกแปลก อึดอัดเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะว่า คนญี่ปุ่นชอบแบ่งเวลาให้ชัดเจน เวลาไหนเรียน เวลาไหนทำงาน การทักทายก็จะแบ่งไปตามช่วงเวลานั้น ๆ ด้วย . . อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวเราเห็นด้วยมาก เราเคยไปนอนพักที่โฮสเทลแบบหลาย ๆ เตียง ในนั้นมีนักเดินทางหลายชาติมาก และมีชาติไทยเนี่ยแหละที่ไม่เคยทักทายใครก่อนเลย แต่สำหรับชาติอื่น ไม่ว่าจะเจอกันที่โต๊ะกินข้าว ระเบียงตากผ้า ห้องน้ำ ในห้องนอน ก็จะต้องทักทายกันเสมอPhoto: https://unsplash.com/photos/GbZsvIIi4Xwอีกเรื่องที่เราชอบ เพราะว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ต้องเป็นคนที่เข้าใจภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาก ๆ ถึงจะสังเกตสิ่งนี้ได้ นั่นก็คือ เพลงฮิตของญี่ปุ่น ในเมืองไทย เราจะได้ยินเพลงที่เล่าเรื่องราวความรักในมุมผู้ชายที่ทุ่มเทความรักให้ผู้หญิงมาก ๆ แต่ก็ผิดหวัง แต่กลับกัน ญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมีเพลงแนวนี้ เรียกได้ว่า ส่วนใหญ่คนที่ทุ่มเทเรื่องความรักคือเพศหญิง และจะไม่มีเพลงที่แสดงให้เห็นถึงผู้ชายในมุมอ่อนแอเลย . . นี่อาจจะเป็นตัวสะท้อนบางอย่างของสังคมญี่ปุ่นที่ออกมาในรูปแบบของงานเพลง ศิลปะ หรือหนังสือก็ได้ . . หนังสือเล่มนี้อ่านจบแล้วเราได้มุมมองใหม่ของประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงคนญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้งและเข้าใจมากขึ้น ข้อดีของการเรียนรู้วัฒนธรมและชาติอื่น ๆ คือเราจะเปิดใจกว้างขึ้น ไม่มีความคิดอคติ เคารพความแตกต่าง และเข้าใจในแต่ละสิ่งที่เขาและเราเป็น และนั่นก็คงเป็นทั้งหมดทั้งมวลที่เราได้รับจากหนังสือดี ๆ ในมือเล่มนี้Photo: https://unsplash.com/photos/W9kq9suABY4หนังสือ ปลาดิบแดดเดียวเขียนโดย เรียวตะ ซูซูกิสำนักพิมพ์ a bookราคา 175 บาท