รีเซต

“อาคม” มั่นใจเศรษฐกิจปี 65 โต 3.5-4.5% จาก 4 แรงขับเคลื่อน คลัง-ธปท.พร้อมดูแลเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ

“อาคม” มั่นใจเศรษฐกิจปี 65 โต 3.5-4.5% จาก 4 แรงขับเคลื่อน คลัง-ธปท.พร้อมดูแลเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ
มติชน
20 มกราคม 2565 ( 15:34 )
47
“อาคม” มั่นใจเศรษฐกิจปี 65 โต 3.5-4.5% จาก 4 แรงขับเคลื่อน คลัง-ธปท.พร้อมดูแลเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ

ข่าววันนี้ 20 มกราคม 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นประธานเปิดการสัมมนา “ศักราชใหม่…ความหวัง (หรือแค่ฝัน) ประเทศไทย 2022” และกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “แรงขับเคลื่อนประเทศไทยในศักราชใหม่ 2022” ผ่านทางออนไลน์ ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะสามารถขยายตัวได้ระหว่าง 3.5-4.5% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลัก คือ 1.ภาคการส่งออก 2.ภาคการท่องเที่ยว 3.ภาคการใช้จ่ายภาครัฐ และ 4.ภาคการบริโภคภายในประเทศ

 

นายอาคม กล่าวว่า โดยเชื่อว่า ไทยจะสามารถส่งออกได้ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แม้ว่า ทั่วโลกจะประสบปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ ส่วนการท่องเที่ยวนั้น จากรายงานของกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬาระบุว่า หลังไทยเปิดประเทศมีจำนวนนักท่องเที่ยวผ่านระบบเทสต์ แอนด์ โก เข้ามาแล้ว 3-4 แสนราย แม้จะยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ แต่คาดว่า ในปี 2565 นักท่อจะทยอยเข้ามา ซึ่งขณะนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีมติให้กลับมาใช้มาตรการ เทสต์ แอนด์ โกโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 65 เป็นต้นไป

 

นายอาคม กล่าวว่า ด้านการใช้จ่ายภาครัฐนั้น ก็จะมีเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในหลายส่วนทั้งจากงบลงทุนของรัฐบาลประมาณ 6 แสนล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3 แสนล้านบาท งบลงทุนในอีอีซีอีกราว 1 ล้านล้านบาท ฉะนั้น ในแง่การใช้จ่ายภาครัฐก็ยังเดินหน้าต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ภาครัฐเองก็ยังมีช่องว่างที่จะใช้มาตรการทางการคลังเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจและรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจได้ โดยรัฐบาลได้ขยายกรอบการก่อหนี้จาก 60% เป็น 70% ต่อ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ขณะนี้ ยังเหลือเพดานการก่อหนี้ได้อีกถึง 10% แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องกู้ครบ 70%

 

“นอกจากนี้ ในด้านการบริโภคนั้น รัฐบาลจะเดินหน้ามาตรการที่จะเข้าไปกระตุ้นการบริโภค โดยเน้นไปยังกลุ่มฐานราก ซึ่งขณะนี้ เรามีแผนที่จะเร่งออกโครงการคนละครึ่งเฟส 4 โดยเปิดลงทะเบียนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 และ เริ่มใช้จ่ายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนด้านการบริโภคนี้ อาจจะทำได้ไม่เต็มที่ เพราะรายได้ของประชาชนยังไม่เต็มร้อย” นายอาคม กล่าว

 

นายอาคม กล่าวว่า สำหรับสิ่งที่ท้าทายการบริหารเศรษฐกิจในปี 2565 คือ 1.สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แม้จะมีการแพร่ระบาดได้รวดเร็ว แต่เชื่อว่า จะสามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยการฉีดวัคซีนก็ยังคงเดินหน้าต่อ ซึ่งเรื่องนี้ หลายฝ่ายคาดว่า จะมีผลกระทบแต่ไม่รู้จะยาวนานแค่ไหน 2.การขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายมาตั้งแต่ปี 2563 และ 2564 ขณะนี้ กระทรวงแรงงานก็ได้เปิดรับคำขอแรงงานนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านแล้ว อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า ในระยะครึ่งปีแรกเราอาจจะพบสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานอยู่

 

นายอาคม กล่าวว่า และ 3.สถานการณ์เงินเฟ้อ ซึ่งเกิดจากราคาพลังงานและอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องราคาสินค้านั้น ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไปกำกับดูแล ส่วนราคาพลังงานนั้น มอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปดูแลไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลเกินกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยมีกองทุนน้ำมันจะเข้ามาเป็นกลไกช่วยเรื่องของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูแลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบระหว่าง 1-3% แต่บางช่วงอาจจะไปเกือบถึง 3% หรือเกินไปบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาอาหารและพลังงาน แต่เราจะพยายามดูแลให้อยู่ภายใต้กรอบดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง