คนเราแสวงหาการยอมรับด้วยเหตุผลหลัก ๆ สองข้อด้วยกัน พวกเขาขาดความมั่นใจในตัวเองและไม่เห็นคุณค่าในตัวเองจึงให้ผู้อื่นมอบสิ่งเหล่านั้นแก่พวกเขา คนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองมักจะแสวงหาการยอมรับในการกระทำของพวกเขา หมายความว่าพวกเขาเห็นความเห็นของผู้อื่นมีค่ามากกว่าตัวเอง จำไว้นะคะ ความมั่นใจในตัวเองไม่ใช่สิ่งที่เราต้องได้รับจากคนอื่น! พวกเขาต้องการให้ทุกคนชอบ เมื่อคนคนหนึ่งต้องการให้คนอื่นมาชอบ จะส่งผลต่อกรากระทำและพฤติกรรมของเขาแม้กระทั่งในเวลาที่อยู่คนเดียว เพราะเขาจะจินตนาการว่าคนอื่น ๆ หรือใครสักคนกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ทุกฝีก้าว ทางออกสำหรับปัญหานี้คือสิ่งที่เราเรียกว่าการฝึกต่อต้าน ซึ่งมันก็ฟังดูน่าสนุกเชียวล่ะ ขอบคุณภาพจาก freepik.comความมั่นใจของคุณจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อคุณเป็นคนที่ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ ความมั่นใจในระดับต่ำหมายถึงความไม่แน่ใจและเมื่อไม่แน่ใจในบางสิ่งบางอย่าง คุณก็จะแสวงหาเหตุผลต่อไป วิธีหนึ่งสำหรับแก้ปัญหาความต้องการการยอมรับคือคุณต้องเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง เมื่อคุณมั่นใจก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับเพื่อให้คุณรู้สึกว่ามีคุณค่า วิธีสร้างความมั่นใจที่ได้ผลต้องมาจากการฝึกฝน แค่คิดเฉย ๆ ความมั่นใจของคุณไม่เปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ คุณต้องสร้างมันด้วยประสบการณ์และการกระทำ การสร้างความมั่นใจมี 3 วิธี สร้างความมั่นใจทางเคมี รู้หรือไม่ว่าการยืนอยู่ในท่าทางที่แสดงถึงความมั่นใจ 2 นาที ระดับเทสทอสเทอโรนเพิ่มขึ้นถึงถ 20% และคอร์ติซอลลดลง 25% นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางเคมีซึ่งผลต่อการเพิ่มความมั่นใจง่าย ๆ ใช้เวลา “ทำงาน” แค่ 2 นาที ความมั่นใจช่วยคุณได้ทุกสถานการณ์ เพราะมันถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตทุก ๆ ด้าน การแนะนำให้คนที่เห็นคุณค่าตัวเองต่ำลองฝึกวางท่ามั่นใจดูก็ไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลย นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ถ้าฝึกเป็นประจำทุกวันก็จะกลายเป็นสิ่งที่คงอยู่อย่างถาวร และคุณก็ฝึกได้ง่าย ๆ เพียงแค่กางแขนออกไปเท่านั้น การวางท่าทางมัน่ใจสังเกตได้จากพื้นที่ที่เราใช้มากขึ้น นั่นคือท่าทีที่เปิดกว้าง เปิดอก และการยืนตัวตรง การวางท่ายอมอ่อนข้อ ซึ่งเราพบว่าส่งผลตรงกันข้าม(ในแง่ลบ) ต่อการเพิ่มของคอร์ติซอลและการลดลงของเทสทอสเทอโรน สังเกตได้จากการทำทางให้ตัวเองดูเล็กลง เช่น ขอตัวกลม กอดอก หรือไขว้ขาและงอตัว การเดินไปเดินมาในที่สาธารณะราวกับว่าคุณเป็นนกที่กำลังโบยบินอยู่นั้นอาจจะไม่ใช่คำตอบ มีวิธีที่ง่ายกว่านี้ คือ ให้คุณใช้วิธีนี้ในแต่ละสถานการณ์ เช่น วางท่ามั่นใจในห้องน้ำก่อนเข้ารับการสัมภาษณ์ (พวกเขาทดลองวิธีนี้ก็ได้ผลดีซะด้วย) หรือลองวางท่ามั่นใจก่อนออกเดท ส่วนการเสนองานหรือเข้าประชุมให้คุณยืดอกผึ่งผายและใช้พื้นที่เยอะ ๆ ขอบคุณภาพจาก freepik.com 2. แสร้งทำเป็นมั่นใจ เราสนับสนุนให้คุณ “แสร้งทำจนกว่าคุณจะทำมันได้จริง ๆ” วิธีนี้อาจฟังดูแย่เพราะไม่มีใครอยากจะเป็นคนหลอกลวง แต่ทั้งหมดนี้หมายความว่า คุณต้องหยุดความเคลือบแคลงใจในตัวไว้สักพัก เพื่อคิดและทำตัวเหมือนคนมั่นใจในตัวเอง ถ้าไม่เคยมั่นใจมาก่อน คุณต้องลองฝึกทำ แรก ๆ อาจดูเหมือนแสร้งทำค่ะ ถ้าคุณมีโอกาส ลองแสร้งทำให้ตัวเองดูมั่นใจตอนที่คุณไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ด้วยวิธีไหนก็ได้ มันไม่ต่างจากสิ่งที่คุณคิดเวลาเล่นละครหรือภาพยนต์หรอกค่ะ สร้างบุคลิกที่มั่นใจในจิตใจ แสร้างว่าตัวคุณเป็นคนคนนั้น แล้วจึงแสดงออกมา บางคนอาจจระรู้ว่าตัวเองดูไม่จริงใจหรือรู้สึกว่าการทำตัวขัดกับความรู้สึกที่รุนแรงหรือความสงสัยในตัวเองนั้นยากเกินไป ยังมีวิธีฝึกให้คุณรู้สึกมั่นใจโดยไม่จำเป็นต้อง “แสร้งทำ” นั่นก็คือปรับเกณฑ์มาตรฐานของคุณ ปรับเปลี่ยนเกณฑ์มาตรฐานของคุณ วิธีเพิ่มความมั่นใจแบบเดิม ๆ ยังมีข้อบกพร่อง เพราะเป็นเพียงแค่การเพิ่มความเป็นตัวของตัวเอง วิธีแก้ปัญหาสองวิธีดังกล่าวใช้ได้ผล แต่การเพิ่มความเป็นตัวเองเป็นแค่ครึ่งหนึ่งของสมการเท่านั้น เพราะความมั่นใจเกี่ยวข้องกับบางอย่าง เสมอ ความมั่นใจดำรงอยู่เดี่ยว ๆ ไม่ได้ แม้กระทั่งความมั่นใจทั่วไปคือการเชื่อในความสามารถที่คุณเชื่อว่าตัวคุณมีโดยปกติ เมื่อเทียบกับมาตรฐานใด ๆ ก็ตามที่คุณมีอยู่ในใจ แล้วเหตุใดความมั่นใจของคุณจึงขึ้น ๆ ลง ๆ ล่ะ หลังจากถูกปฏิเสธงานไป 10 ครั้ง คุณอาจมีความมั่นใจน้อยลง และนั่นเป็นเพราะคุณมองว่าตัวเองอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ได้เป็นเพราะว่าตัวคุณเปลี่ยนไป! พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่สนใจแต่ตัวเอง จึงมีแนวโน้มรับคำสรรเสริญเยินยอในสิ่งต่าง ๆ มากเกินไป ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเราคาดเดาตัวเองได้ง่ายกว่าสิ่งแวดล้อมซะอีก ขอบคุณภาพจาก freepik.comผู้คนส่วนใหญ่สนใจความมั่นใจจากภายใน แต่กลับมองไม่เห็นความเชื่อมโยง จึงเป็นสาเหตุที่คนอื่นแนะนำให้คุณลองกลยุทธ์เพื่อ “เพิ่มความมั่นใจ” และ “เชื่อมั่นในตัวเอง” อยู่เสมอ โดยธรรมชาติแล้วคำแนะนำนี้ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่ในเมื่อความมั่นใจเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับสิ่งอื่น เราก็ต้องพิจารณาว่ามันเชื่อมโยงกับอะไรด้วย! คนที่ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบเป็นคนที่มั่นใจมากที่สุดในโลกและไม่ได้เป็นเพราะว่าพวกเขาเหนือกว่า คนที่ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบปรับเปลี่ยนเกณฑ์มาตรฐานให้เข้ากับตัวเองได้อย่างชำนาญ พวกเขารู้ว่าตัวเองรู้สึกมั่นใจในเรื่องใด เพื่อให้คุณเห็นตัวอย่างความเชื่อมโยงของความมั่นใจ ถ้าคุณความมั่นใจในจุดไหนหรือโดยทั่ว ๆ ไป ให้ถามตัวเองว่า “ฉันตั้งเกณฑ์มาตรฐานไว้ตรงไหนกันแน่” เกณฑ์มาตรฐานเหล่านี้มีอยู่ในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความมีเสน่ห์น่าดึงดูด ความเฉลียวฉลาด ทักษะทางสังคม ความแข็งแกร่ง อารมณ์ขันและความมั่นใจ (คุณมั่นใจมากแค่ไหนในระดับความมั่นใจของคุณ) เราคาดการณ์ความสามารถของตัวเองกับเกณฑ์มาตรฐานที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา พวกเราหลายคนใช้ต้นแบบของ “คนธรรมดา” เพื่อกำหนดความมั่นใจของตัวเอง เรามีแนวความคิดว่าคนธรรมดาในเรื่องต่าง ๆ ต้องเป็นยังไงและตัดสินตัวเราเองจากแนวความคิดนั้น นี่เป็นวิธีรับมือกับความมั่นใจที่แย่ เหมือนกับการซื้อ “เสื้อขนาดกลาง ๆ” แทนที่จะซื้อเสื้อไซส์ของคุณมันอาจใช้ได้ผลกับคนบางคน แต่ใช้ไม่ได้ผลกับพวกเราทุกคนหรอกค่ะ “คนธรรมดา” ในแต่ละเรื่องไม่ได้สำคัญอะไรเท่าไหร่ จะให้ตัดสินก็ยาก ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติของความธรรมดาที่เป็นแนวความคิดหรือนามธรรมโดยส่วนใหญ่ คุณอาจจะคิดว่าหน้าตาคุณดูธรรมดา ๆ แต่สำหรับคนคนหนึ่งแล้ว คุณอาจจะน่าดึงดูดที่สุดก็เป็นได้ คุณอาจจะคิดว่าคุณเป็นคนตลกมาก ขอบคุณภาพจาก freepik.com ผู้คนจะยังคงดึงความมั่นใจผิด ๆ จากเกณฑ์มาตรฐาน จากสิ่งที่พวกเขาคิดว่าปกติ สิ่งที่คนรอบตัวพวกเขาเป็นหรือสิ่งที่พวกเขาเห็นในทีวี ความมั่นใจทุกอย่างล้วนไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์อะไรทั้งนั้นเราจึงสร้างเกณฑ์มาตรฐานของเราขึ้นมาเองได้เช่นกัน กุญแจสำคัญเพื่อเปลี่ยนเป็นคนที่ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของเรานั้นคือการปรับความมั่นใจให้เข้ากับตัวเอง คุณต้องเป็นผู้กำหนดความหมายแล้วสร้างความมั่นใจขึ้นมาเอง ไม่เช่นนั้นมันจะขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างรวดเร็วตามข้อมูลที่คุณได้รับจากผู้อื่น (ซึ่งมาปรับเกณฑ์มาตรฐานที่ไม่มั่นคงของคุณ) เราจึงต้องควบคุมเกณฑ์มาตรฐานของเราให้ได้ การปรับความมั่นใจให้เข้ากับตัวเอง มุมมองต่อความมั่นใจที่ถูกต้องไม่ใช่การ กำหนดระดับความมั่นใจและดันตัวเองให้ไปอยู่ในจุดที่คุณอยากจะอยู่ ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจะถ่ายทอดสุนทรพจน์อันคมคายออกมาได้ ต่อให้เตรียมใจมามากแค่ไหนก็เปลี่ยนไม่ได้หรอก คุณต้องฝึนฝนเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้วคุณทำอะไรได้บ้างล่ะ จงมั่นใจว่าคุณสามารถถ่ายทอดสุนทรพจน์ธรรมดา ๆ ได้ก็พออ กุญแจสำหรับการสร้างความมั่นใจอันทรงพลังคือการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในสิ่งที่คุณมั่นใจในตอนนี้และสร้างความมั่นใจจากจุดนั้นขึ้นมาค่ะ ขอบคุณภาพปกจาก freepik.com