ผมเชื่อว่าคงมีหลายท่านที่สงสัยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันทำให้ชีวิตของเราดำเนินมาถึงทุกวันนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตทำให้เรามีความสุข หรือเรื่องเลวร้ายที่มันทำให้เราต้องเป็นทุกข์ บางท่านอาจจะมีความเชื่อที่ว่ามันเป็นเรื่องของ “ โชคชะตา ” ที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ซึ่งมันก็มีอีกมุมหนึ่งสำหรับคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เชื่อในเรื่องของ “ การกระทำ ” ของตนเองมากกว่า ซึ่งมันไม่มีความเชื่อไหนที่ผิดเลย เพราะมันเป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนบุคคล ก็เหมือนกับปัญหาโลกแตกที่ว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน แต่ผมอยากจะนำเสนอแนวคิดหนึ่งที่ได้ไปอ่านมาแล้วรู้สึกว่ามันมีเหตุมีผลตามหลักของพุทธศาสนา จึงอยากนำแนวคิดนี้มาแบ่งปันกับผู้อ่านทุกท่านให้ได้มาแลกเปลี่ยนความคิดกัน ดังข้อความต่อไปนี้ภาพจาก https://pixabay.com/th “ จงระวังความคิด เพราะมันจะกลายเป็นคำพูด จงระวังคำพูด เพราะมันจะกลายเป็นการกระทำ จงระวังการกระทำ เพราะมันจะกลายเป็นนิสัย จงระวังนิสัย เพราะมันจะกลายเป็นบุคลิก จงระวังบุคลิก เพราะมันจะกลายเป็นโชคชะตา ” ในมุมมองของ “ การกระทำกำหนดโชคชะตา ”ภาพจาก https://pixabay.com/th หากพิจารณาแนวคิดข้างต้นนี้ จะเห็นความเป็นเหตุ เป็นผล ตามหลักของพุทธศาสนา ดังที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสอนว่า ไม่มีเรื่องบังเอิญบนโลก ทุกอย่างล้วนมีเหตุ มีผลที่แท้จริงของมันอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำหนดโชคชะตาของเราล้วนมาจากความคิดที่เกิดขึ้นในตัวเรา ทุกสิ่งเริ่มต้นที่ตัวเรา ความคิดของเราจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกอย่างขึ้น หากเราอยากมีชะตาชีวิตที่ดี ก็จงเริ่มต้นเปลี่ยนที่ความคิดของตนเอง จงระวังที่ความคิดเป็นอันดับแรก เพราะมันเป็นบ่อเกิดแห่งทุกสิ่งที่กำลังจะตามมาในอนาคตในมุมมองของ “ โชคชะตากำหนดการกระทำ ”ภาพจาก https://pixabay.com/th หากมองในอีกแง่มุมหนึ่งจากข้อความข้างต้นนี้ การที่เราจะเชื่อเรื่องโชคชะตา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้เช่นเดียวกัน การที่เรารู้ผลที่จะเกิดก่อน มันทำให้เราตระหนักได้ถึงเหตุที่จะก่อให้เกิดผลนั้นได้เช่นกัน กล่าวคือ หากคุณรู้ว่าโชคชะตาที่คุณฝันหานั้นคืออะไร และคุณเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าด้วยแล้ว ความเชื่อนั้นมันจะกำหนดให้คุณมองเห็นโอกาส และการกระทำที่จะนำพาคุณไปสู่ผลที่ต้องการ หากแต่เราจะเชื่ออย่างเดียวนั้นไม่ได้ คงจะไม่เกิดผลใดๆ ตามมา ต้องลงมือกระทำให้วงล้อแห่งโชคชะตามันเริ่มหมุนด้วย หากเรารู้จุดมุ่งหมายที่แจ่มชัดแล้วแต่ไม่ลงมือทำมัน มัวแต่วอนขอ และนั่งรออย่างเดียว วงล้อแห่งโชคชะตาก็มิอาจจะขยับหมุนได้ ชะตาชีวิตที่หวังไว้ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/1046896/ ท้ายที่สุดนี้ไม่ว่าท่านจะเลือกเชื่อแบบไหนก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล แต่ไม่ว่าจะเชื่อแบบไหนท้ายที่สุดก็ต้องลงมือทำและเชื่อมั่นในตนเอง มันจะทำให้คุณสามารถไปถึงเป้าหมายในชีวิตที่คุณได้ตั้งไว้ และเมื่อไปถึงเป้าหมายนั้นได้คุณก็เลือกเอาว่าจะให้เครดิตกับโชคชะตา(ชีวิตที่ถูกกำหนด) หรือ การกระทำ(ชีวิตที่กำหนดเอง) ก็แล้วแต่คุณ แต่เมื่อคุณไปถึงจุดหมายนั้นได้คุณก็คงจะไม่เสียเวลามาสนใจแล้วว่าอะไรกำหนดอะไร พอใจกับผลที่มันเกิดขึ้นก็พอ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันนะครับ หวังว่าคงได้แง่คิดไม่มากก็น้อย และขอให้ทุกท่านได้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมีความสุขกันทุกท่านนะครับ ขอบคุณภาพปกจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/934718/