ตั้ง KPI เลื่อนยศ-ปลด-ย้าย จนท. หวังตื่นตัวปราบยาเสพติด-คอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ จ.เชียงรายและตรวจเยี่ยมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ว่าได้มาติดตามโครงสร้างพื้นฐาน สะพานร่วมใจ 3 อำเภอจะทำให้ประชาชนไปมาหาสู่กันได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะจังหวัดเชียงของถือว่าเป็นเมืองท่าในการประสานงานต่างประเทศดังนั้นการทำให้ระบบคมนาคมสามารถเชื่อมกันได้รวดเร็วก็จะเป็นเป็นประโยชน์ต่อการเศรษฐกิจของประเทศ
นายภูมิธรรม กล่าวถึงมาตรการการปราบปรามยาเสพติด ว่า ตนเองได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดูแลปัญหายาเสพติดทั้งประเทศ เพราะขณะนี้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่รุนแรงกระทบไปยังทุกพื้น โดยการลงพื้นที่ก็เพื่อมาดูให้ความมั่นใจว่าสภาพภูมิประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาของชายแดนทั้งสองฝ่าย ตรงจุดนี้ต้องมีการประสานงาน ทุกหน่วยงานให้เป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้แต่ นอกจากนี้ ปัญหาชายแดนอาชญากรรมยังมีเรื่องลักลอบส่งรถ การค้ามนุษย์ที่ยังไม่เห็นชัดเจน ทั้งนี้ตามแนวชายแดนที่มีระยะทางกล่าว 2,400 กิโลเมตร ดังนั้นการแก้ไขปัญหา ช่องทางธรรมชาติ ในการป้องกันยาเสพติด คือการซีลพื้นที่ 2 ชั้น มุ่งในพื้นที่ชายแดน 14 จังหวัด 51 อำเภอ และ 76 สถานีตำรวจ เพราะการลักลอบนำเข้ายาเสพติด ถ้าหลุดเข้ามาทางชายแดนธรรมชาติก็ต้องมีจุดพักยาเสพติดซึ่งอยู่ในขอบเขตชายแดนทั้งหมด ดังนั้นเพื่อการดำเนินการเอาจริงเอาจัง จะต้องทำงานอย่างบูรณาการทุกภาคส่วน ซึ่งวันที่ 30 มกราคมนี้จะมีการประชุมที่ตึกสันติไมตรี โดยจะเชิญผู้กำกับทั้ง 76 สถานีในอำเภอทั้ง 51 อำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ในขอบเขตของประเทศที่รับผิดชอบทั้งหมดมา รวมถึง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ แม่ทัพภาคผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขา ปปส. เลขา ป.ป.ง. สาธารณสุข มหาดไทย มาพูดคุยกันและรับนโยบายให้ชัดเจนในการตั้งเป้าแก้ปัญหายาเสพติดให้ชัดเจน โดยตั้งเป้าว่า 6 เดือนต้องประเมินให้เห็นผลแก้ปัญหา และให้รายงานว่าจะเกิดผลอย่างไรขึ้น ในการแก้ไขปัญหา เป็นการประเมินผล และวัด KPI ซึ่งหากไม่ทำในสิ่งนี้ ยาเสพติก็จะไม่หมด
“ทำสิ่งนี้เพื่อประเมินผลว่าหลังทำแบบเดิมแล้วมีปัญหา ก็ต้องมีการเพิ่มขั้นตอน เพิ่มกระบวนการในการแก้ไขซึ่ง น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ดังนั้นจึงขอประเมินก่อน และอาจจะมีทั้งคุณทั้งโทษแต่ถ้าสามารถทำงานได้ประสบความสำเร็จ สามารถลดได้ก็จะมีการกำหนด KPI ในการประเมินถ้าทำได้ก็จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่ทำโดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชา ในอำเภอหรือทำไม่ได้หรือแย่ลง มีเป็นปัญหาก็ต้องต้องหาทางแก้ไขทางนี้ก็ต้องดูมาตรการของทางจังหวัดและทางมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าจะมีประเมินบวกลบอย่างไร ขณะนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะดำเนินการมาตรการอย่างไร โดยต้องตอบให้ชัดเจนและประกาศให้ชัดก่อนดำเนินการ” ”นายภูมิธรรมกล่าว
ส่วนบริเวณชายแดนของทหารที่รับผิดชอบจะต้องมีการประเมินผลKPI หรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่าก็ต้องมีทุกส่วน ทั้งนี้ปัญหาเรื่องกำลังพลไม่เพียงพอกับเส้นเขตแดนที่กว้าง จึงมีมาตรการเอาอำเภอ มาร่วมทำงานอีกชั้นหนึ่ง ก็จะเป็นการช่วยลดภาระที่เกิดปัญหา ส่วนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องก็ต้องมี KPI ที่ชัดเจนและมีภารกิจอย่างไรและแค่ไหนถึงความเหมาะสม โดยจะมีการเอาอำเภอและผู้กำกับตำรวจนั่งคู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้การจังหวัดนั่งคู่กันในการประชุมวันที่ 30 มกราคม เพื่อให้ตักตกลงกันให้ชัดส่วน ทหารจะมีค่ายวิวัฒน์พลเมืองในการดูแลผู้ติดยาเสพติดและมีกระทรวงสาธารณสุข ที่ดูแลเป็นหลัก จึงต้องคุยในรายละเอียดซึ่งก็มอบให้ทุกส่วนไปคุยรายละเอียดแล้ว
ส่วนการลักลอบเข้าประเทศไทยถือเป็นปัญหาใหญ่จะมีการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไรนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะต้องมีการหามาตรการที่คิดว่าได้ผลเพราะที่ผ่านมาได้พูดคุยแต่ปัญหายังไม่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขณะนี้ให้ทุกส่วนไปดำเนินการคิดว่าสิ่งไหนที่จะใหม่กว่านี้ และเกิดการเปลี่ยนแปลงถ้าคิดเหมือนเดิมก็ได้ของเหมือนเดิม แต่เมื่อมีเงื่อนไขหลายอย่างก็ไม่โทษใครก็เริ่มต้นกันใหม่จากประสบการณ์ที่มีอยู่จะดำเนินการอย่างไรบ้างให้ประสบผลสำเร็จ
ขณะที่การประเมิน KPI ภายใน6เดือนจะส่งผลต่อการโยกย้ายตำแหน่งหรือไม่นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็กำลังคิดในรายละเอียด โดยเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาเป็นคนคิดมาตรการซึ่งเขาจะรู้ดีที่สุดว่าแค่ไหนเหมาะสมแล้วมาพูดคุยกันมาบูรณาการทำงานด้วยกันถ้าเป็นเรื่องของทหารขณะนี้ก็ต้องมีแม่ทัพภาคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะแม่ทัพภาคถือเป็นผู้บังคับบัญชา
ขณะที่อุปกรณ์ในการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานนั้นนายภูมิธรรมกล่าวว่าได้พูดคุยกับผู้ยบัญชาการเหล่าทัพไปแล้ว ไม่ปฏิเสธเลยถ้าอยากได้เครื่องมือถ้าเป็นเทคโนโลยีใหม่ในการมาช่วยทำงานเพราะปัจจุบันจะเห็นว่า ใช้เทคโนโลยีในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงกว่า เช่น3 จังหวัดภาคใต้ ที่เห็นภาพชัดเจนในการปฎิบัติหน้าที่ เพราะกำลังพลเสี่ยงต่อการปฎิบัติในพื้นที่ ก็พิจารณาเรื่องโดรนเพื่อให้โดรนทำหน้าที่ มีดาวเทียมวงจรต่ำ โดรนสามารถเห็น พื้นที่ โดยไม่ต้องใช้กำลังพล ซึ่งก็ต้องไปทำแผนขึ้นมา ตนเอง ไม่ขวางและยินดีที่จะสนับสนุนให้ได้อุปกรณ์มา
“ตนเองก็จะไฟลท์ด้วยซึ่งขอให้ได้ของที่มีประสิทธิภาพราคาสมเหตุ สมผล ยังไงก็ได้ซึ่งตนเองเห็นหลายส่วนซื้อเสื้อเกาะในการทำงานก็ต้องมี ยิงแล้วไม่ตายง่าย ซึ่งตนเองจะต้องมองในเรื่องคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผลได้ รวมถึงกล้องตรวจการพิเศษทุกอย่างผมบอกกับผู้บังคับบัญชาไปแล้วว่าถ้าบางส่วนใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนกำลังพลก็จะลดความเสี่ยงและช่วยงานได้ ที่สำคัญการพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาระดับชั้นต่างๆทุกคนเห็นว่าโลกเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงและก็ต้องมีการคุยกันเพราะตนเองเชื่อว่าเมื่อวางหลักการที่ชัดเจนการพูดคุยกันจะช่วยแก้ปัญหาได้”นายภูมิธรรมกล่าว
ขณะที่ปัญหาการหลอกลวงประชาชนโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน โดยล่าสุดมีชาวจีนที่โดนกระทำในเรื่องนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่ทำคือต้องปลายทางแต่เป็นด่านสำคัญ ถ้ามีการซีล การเคลื่อนย้ายคนออกไปก็ไม่ง่าย ขณะที่ต้นทางก็ต้องไปพูดคุยอีกว่าด่านตรวจคน ก็ต้องเข้า แต่เมื่อการข้ามทางช่องทางธรรมชาติก็ต้องมีการมาวางรายละเอียดอีกครั้ง ดังนั้นถ้าสามารถทำได้สำเร็จก็ต้องบูรณาการกับทุกหน่วยอย่างจริงจังและนำไปปรับปรุง ตรงไหนเป็นจุดอ่อนหรือเพิ่มเติมก็ดำเนินการไป ส่วนผลกระทบที่ตามต่อการท่องเที่ยว เรื่องนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็รับไปดำเนินการ มีหลายเรื่องไม่ใช่ไม่รีบแก้แต่แก้ก็ต้องบนพื้นฐานที่เข้าใจและความเป็นจริงดังนั้นการวางมาตรฐานการแก้ไข รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องไปดูแล และตรวจสอบการปล่อยข่าวลือ