ผู้เชี่ยวชาญชี้ "ทรัมป์" โอกาสได้โนเบลสันติภาพ "น้อย" แม้ทรัมป์บอกตัวเองเหมาะสม

หลายปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์เคยพูดอยู่หลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรกว่า เขามีผลงานด้านการสร้างสันติภาพมากมายและคู่ควรที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เพราะสามารถยุติสงครามได้ถึง 7 ครั้ง และเมื่อเร็วๆ นี้ ทรัมป์ก็เพิ่งพูดถึงความเป็นไปได้ในการยุติสงครามความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย และอ้างถึงประวัติของเขาในการทำให้ไม่เกิดสงครามใหม่ๆ ขึ้น โดยรางวัลอันทรงเกียรตินี้เคยถูกมอบให้กับอดีตผู้นำทำเนียบขาวมาแล้ว 4 คน 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญรางโนเบลมองว่า ทรัมป์มีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ อัสเล สวีน นักประวัติศาสตร์รางวัลโนเบลบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ทรัมป์จะได้รับรางวัลนี้ โดยชี้ว่าทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาซึ่งยังคงดำเนินอยู่ ขณะที่ นีนา เกรเกอร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสันติภาพออสโลก็บอกว่า ทรัมป์นำสหรัฐฯ ถอนตัวจากความร่วมมือระหว่างประเทศหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นองค์การอนามัยโลก หรือข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ยังทำสงครามการค้ากับประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงยังไม่คู่ควรกับรางวัลที่มอบให้ผู้ที่ผลักดันสันติภาพบนโลก

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ แห่งไต้หวัน ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุและพอดแคสต์แนวอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุกว่า 400 สถานีในสัปดาห์นี้ โดยอ้างถึงความคิดเห็นที่ ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ในเดือน ส.ค.ว่า สี จิ้นผิง เคยบอกกับเขาว่า จีนจะไม่รุกรานไต้หวันในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไล่บอกว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ สามารถโน้มน้าวให้ สี จิ้นผิง ยุติการรุกรานทางทหารใดๆ ต่อไต้หวันได้อย่างถาวร ก็น่าจะได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพอย่างไม่ต้องสงสัย

ขณะที่คณะกรรมการรางวัลโนเบลไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ และการเสนอชื่อยังคงถูกเก็บเป็นความลับเหมือนกับที่เคยปฏิบัติมานานตลอดหลายทศวรรษ สำหรับการประกาศรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีนี้จะมีขึ้นที่กรุงออสโล ของนอร์เวย์ ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้