หลังจากที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดแถลงข่าว “10 เรื่องดาราศาสตร์น่าติดตามในปี 2563” เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยบอกว่า จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยหวังว่า “อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร” แห่งนี้ จะเป็นศูนย์รวมของศิลปวิทยาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับดาราศาสตร์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิชาการดาราศาสตร์ที่สำคัญ ทั้งยังจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้จังหวัดเชียงใหม่กลายเป็นเมืองหลวงดาราศาสตร์ของไทยและศูนย์กลางดาราศาสตร์อาเซียน อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะภายในอุทยานดาราศาสตร์สิรินธร เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่มีลูกข่ายหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติอีก 3 แห่ง คือ จังหวัดสงขลา จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดฉะเชิงเทรา และมีแผนจะก่อสร้างที่จังหวัดขอนแก่น เป็นแห่งที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่รองรับการดำเนินงานตามภารกิจหลัก ได้แก่ การศึกษาค้นคว้าวิจัยดาราศาสตร์ การพัฒนาเทคโนโลยีดาราศาสตร์ การบริการวิชาการและสื่อสารดาราศาสตร์ระดับประเทศอยู่แล้ว ทำให้การก้าวไปสู่ระดับอาเซียนไม่ไกลเกินฝันแน่นอน พอทราบข่าวดังกล่าว ผมก็คิดว่าจะต้องไปให้ได้ หลังจากที่เคยไปดูดาวเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่ท้องฟ้าจำลองเอกมัย กรุงเทพมหานคร ความประทับใจและความกระหายใคร่รู้เรื่องดวงดาวต่าง ๆ ในตอนนั้น ทำให้ผมสนใจดาราศาสตร์และเรื่องเล่าปรัมปราเกี่ยวกับท้องฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน ยิ่งวันไหนได้นอนมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนก็จะหาสุขใดมาเปรียบมิปาน “อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 54 ไร่ บริเวณอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ดาราศาสตร์ครบวงจรแห่งใหม่ ใหญ่ที่สุดในไทย โดยชื่อดังกล่าว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนามให้ ทางเข้าจะอยู่ติดคลองประปาด้านหลังโรงพยาบาลนครพิงค์ เส้นทางสะดวกมีป้ายบอกทางชัดเจน เมื่อขับรถเข้ามาด้านใน จะมองเห็นตัวอาคารหอดูดาวโดดเด่นมากครับ เพราะอยู่บนเนินสูง วิวทิวทัศน์ด้านนอกก็สวยงาม สามารถมองเห็นดอยสุเทพชัดเจน ที่จอดรถมีให้บริการทั้งรถขนาดใหญ่ เช่น รถบัส รถส่วนตัวและมอเตอร์ไซค์ มีทางจักรยานและทางเดินให้ใช้อีกด้วย อาคารท้องฟ้าจำลองและนิทรรศการมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้น 1 และ 2 จะอยู่ใต้ทางเข้าหลัก โดยชั้น 3 เป็นทางเข้าหลัก มีทางลาดให้คนพิการด้วยนะ พอเข้าไปในตัวอาคาร ตรงกลางจะเป็นห้องแสดงท้องฟ้าจำลองระบบดิจิทัล 360 องศา ความละเอียดสูงสุด 8K ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 17 เมตร ความจุ 160 ที่นั่ง และพื้นที่สำหรับรถผู้พิการ ด้านขวามือจะเป็นจุดซื้อตั๋วเข้าชมและขายของที่ระลึก ด้านซ้ายมือเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับอุทยานดาราศาสตร์สิรินธร การสำรวจระบบสุริยะและเสียงแห่งเอกภพ ทางเดินลงไปที่ชั้น 2 และ 1 สามารถลงไปได้ทั้ง 2 ด้านของโดม หรือจะลงลิฟต์ก็ได้ เมื่อลงไปแล้วจะพบโซนจัดแสดงฐานเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมคือให้เราได้สัมผัสได้ทำกิจกรรมนั้นจริง ๆ มีทั้งหมด 19 ฐาน เช่น อุกกาบาต การเกิดขึ้นของข้างขึ้น-ข้างแรม น้ำขึ้น-น้ำลง การเปรียบเทียบน้ำหนักบนดาวเคราะห์ เครื่องตรวจจับรังสีคอสมิก การก่อตัวมหาพายุของดาวเสาร์ ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ ที่ชั้นนี้ ยังมีร้านอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการผู้ที่มาเที่ยวชมอีกด้วย ร้านสวยน่านั่งทั้งด้านในและด้านนอก ชั้นล่างสุด คือ ชั้น 1 จัดแสดงเกี่ยวกับกำเนิดแกแลคซี่ ข้อมูลดาวนพเคราะห์แต่ละดวง นิทรรศการภาพถ่ายดาวจรัสฟ้าและลูกตุ้มเพนดูลัม อาคารท้องฟ้าจำลอง กำหนดจัดแสดงเป็นรอบ รอบละ 1 ชั่วโมง โดยเราจะได้ชมดวงดาวบนท้องฟ้าตั้งแต่ค่ำจนถึงเช้าใช้เวลา 30 นาที และ ภาพยนตร์เกี่ยวกับดาราศาสตร์อีก 30 นาที แต่ละรอบอาจมีภาพยนตร์ต่างเรื่องกันไปตามแต่สถานการณ์ โชคดีที่ผมได้ไปก่อนประกาศปิดให้บริการชั่วคราวเพราะสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด อย่างไรเสีย หลังจากผ่านวิฤตนี้ไปแล้ว ผมอยากเชิญชวนคนที่ชอบมองฟ้า มองดวงดาว ให้มาเยี่ยมชมสักครั้งครับ เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรียนรู้เรื่องราวดาราศาสตร์ ผ่านท้องฟ้าจำลอง นิทรรศการดาราศาสตร์และหอดูดาวภายในอุทยานดาราศาสตร์สิรินธรแห่งนี้สถานที่ 206 หมู่ 4 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053121268วันเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 น.-16.30 น. วันเสาร์ เวลา 10.30 น.-22.00 น. วันอาทิตย์ เวลา 10.30 น.-17.00 น.รอบฉายของท้องฟ้าจำลอง วันอังคาร-ศุกร์ 2 รอบ เวลา 11.00 น., 15.00 น. วันเสาร์ 3 รอบ เวลา 11.00 น., 14.00 น., 17.00 น. วันอาทิตย์ 2 รอบ เวลา 11.00 น., 14.00 น.ค่าเข้าชมท้องฟ้าจำลอง ผู้ใหญ่ ราคา 50 บาทนักเรียน-นักศึกษา ราคา 30 บาทคนพิการฟรีข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ www.facebook.com/NARITpage หรือ www.NARIT.or.th