สั่งล่าขบวนการลักลอบนำหญิงติดโควิดเข้าไทย พบเรียกค่าหัว7,000บาท

วันนี้ (29พ.ย.63) ความคืบหน้าการสอบสวนโรคหลังหญิงไทยเดินทางจากเมียนมาโดยรถตู้โดยสารจากจังหวัดเชียงรายเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่ ตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 โดยมีกลุ่มเสี่ยงกว่า 300 คน 

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงราย เรียกประชุมด่วนคณะทำงานเพื่อตรวจสอบประวัติหญิงรายนี้ ที่ลักลอบข้ามพรมแดนมาจาก จังหวัดท่าขี้เหล็ก ของเมียนมา ผ่านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ที่ประชุมมีมติยังไม่ปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ระหว่าง อำเภอแม่สาย กับ จังหวัดท่าขี้เหล็ก แต่จะขอความร่วมมือทางการเมียนมาสุ่มตรวจคนขับรถบรรทุกชาวเมียนมา หลังจากที่ผ่านมามีการตรวจเฉพาะคนไทย และจำกัดไม่ให้ชาวเมียนมาขับผ่านพรมแดนเข้ามาสู่ชั้นในเท่านั้น 

นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลว่า มีขบวนการขนคนข้ามมาจากฝั่งเมียนมา และพาไปส่งที่พักหรือสถานที่ต่างๆ ได้  โดยมีเพียงไม่กี่คนและหัวหน้าเป็นชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ที่ชายแดนฝั่งไทย จึงมอบข้อมูลให้พ.ต.อ.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ รองผู้บังคับการจังหวัดเชียงราย เร่งสอบสวนเพื่อทลายขบวนการนี้ให้ได้ เพราะเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการลักลอบเข้ามาของหญิงสาวที่พบติดเชื้อที่ จังหวัดเชียงใหม่

จากข้อมูลยังพบว่ามีกลุ่มคนที่เป็นขบวนการนำพาเข้ามาเพื่อแลกกับเงินค่าจ้างข้ามฝั่งท่าขี้เหล็กมาแม่สายหัวละ 3,000 -5,000 บาท และเพิ่มเป็น 7,000 บาทหลังพบโควิด-19 ระบาดอย่างหนัก 

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุอีกว่า ได้ประสานผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) ขอให้ตรวจหาคนไทยและรับส่งออกมาทางด่านพรมแดนตามช่องทางปกติ เพราะเชื่อว่ายังมีหญิงสาวที่ข้ามไปทำงานสถานบันเทิงโดยเฉพาะที่โรงแรมวันจีวัน จังหวัดท่าขี้เหล็ก แห่งเดียวกับหญิงสาวที่ติดเชื้อ   

ด้านนพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดเชียงราย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยังมีหญิงอาายุ 20 ปี ที่ติดเชื้อโควิด-19 และทำงานที่เดียวกับหญิงไทยรายนี้ ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อนอกศูนย์กักดูอาการท่าขี้เหล็ก และหลังจากนั้นก็พบผู้ติดเชื้อในสถานที่เดียวกันนี้อีก 4 คน 

สำหรับสถานบันเทิงที่หญิงสาวติดโควิด-19  ขณะนี้ถูกสั่งปิดแล้ว 

 เกาะติดข่าวที่นี่