รีเซต

ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่งดึงศก. หวังเงินดิจิทัลช่วยกระตุ้น

ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่งดึงศก. หวังเงินดิจิทัลช่วยกระตุ้น
ทันหุ้น
12 กันยายน 2567 ( 19:23 )
34

#SCB EIC#ทันหุ้น -SCB EIC กังวลหนี้ครัวเรือนไทยพุ่งแรง-การเมืองไม่นิ่ง ฉุดเศรษฐกิจปี 2568 เสี่ยงฮาร์ดแลนดิ้ง ฉุด GDP เหลือโตเพียง 1.9% จากเป้าเดิมโต 2.6% แถมมอง กนง. จ่อลดดอกเบี้ยนโยบายช่วงธันวาคมนี้ ส่วนมาตรการดิจิทัลวอลเล็ตกลุ่มเปราะบาง หนุนบรรยากาศระยะสั้น


นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทคาดภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2568 มีโอกาสเขัาเข้าสู่ภาวะถดถอย (ฮาร์ดแลนดิ้ง) เพราะมีปัจจัยที่กดดันหลักๆ

ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่งแรง


*ปัจจัยกดดันศก.

โดยในส่วนแรกนั้นจะเป็นภาคการเงินในประเทศที่ตึงตัว โดยเฉพาะตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับที่สูง ซึ่งจะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่กดดันภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งยังมีผลกระทบกับบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย และกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตจากยอดขายที่ลดลง และอื่นๆ ในอนาคต


อย่างไรก็ดี การแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้นคงต้องอาศัยความร่วมมือกันจากหลายๆฝ่ายและเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ขณะที่การแก้ปัญหาโดยวิธีการตัดลดหนี้นั้น มีข้อพึงระวังในเรื่องของวินัยทางการเงิน ซึ่งมองว่าการแก้หนี้ให้ได้ผลต้องสร้างแรงจูงใจหรือยินยอมพร้อมใจให้เกิดทั้ง 2 ฝั่ง


ขณะที่ในส่วนที่สองนั้นคือ การเมืองไทยไม่มีเสถียรภาพ และสุดท้ายคือ ภาพรวมเศรษฐโลกที่กำลังเข้าสู่ช่วงของการถดถอยอย่างรุนแรง


ทั้งนี้ เบื้องต้นมองว่าภายใต้สมมุติฐานของภาคการส่งออกที่ไม่เติบโต, การบริโภคที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย การลงทุนภาคเอกชนเติบโตต่ำ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เท่าเดิมหรือราว 36-40 ล้านคน ดังนั้นคาดอาจจะทำให้เกิดฮาร์ดแลนดิ้ง ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2568 เติบโตได้เพียง 1.9% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ทาง SCB EIC วางไว้


อย่างไรก็ดี ทาง SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำในปี 2567 และ 2568 เติบโตที่ 2.5% และ 2.6% ตามลำดับ โดยในระยะต่อไปภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงส่งหลักที่เหลืออยู่ของเศรษฐกิจไทย ซึ่งประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 68 ที่ 39.4 ล้านคน ซึ่งการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังถูกกดดันจากแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนแบบกรุ๊ปทัวร์


*ส่งออกโตต่ำ

ขณะที่การส่งออกไทยปี 2568 ยังเติบโตต่ำกว่าในอดีต ส่วนหนึ่งจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง และอุปสงค์ในประเทศเปราะบางการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะหดตัวเล็กน้อยในปีนี้ แต่จะกลับมาขยายตัวได้ในปีหน้า ตามมูลค่าการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนของ Board of Investment ที่ปรับดีขึ้นมาก แต่การลงทุนจะยังเติบโตได้ไม่มากนัก เพื่อสะท้อนประเด็นดังกล่าวด้วย


“เศรษฐกิจไทยในอนาคตนอกจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องวัฏจักรเข้ามาทำให้เศรษฐกิจหมุนวนลงเร็วขึ้น แต่จะฮาร์ดแลนดิ้ง หรือไม่ คงตัองจะขึ้นอยู่กับการทำนโยบายต่อไปในอนาคต หากนโยบายการเงิน-การคลังประสานกันได้ดีโอกาสที่จะเกิดก็ลดลง แต่ถ้านโยบายไปคนละทิศละทางก็มีโอกาสที่จะเห็นเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะฮาร์แลนดิ้งด้วย"


ชี้เงินดิจิทัลเปราะบางดันช่วงสั้น

สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น EIC SCB คาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม 2567 ลงประมาณ 0.25% และในปี 2568 ปรับลดลงอีก 0.25% ผลจากภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยชัดเจนขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อไม่มีประเด็นให้น่าเป็นห่วง และภาคการเงินมีความตึงตัวขึ้น สถาบันการเงินมีความเข้มงวด,สินเชื่อโตยาก จึงทำให้โมเมนตัมในการขับเคลื่อนขาดหายไป ซึ่งตรงนี้นโยบายการเงินจะช่วยเข้ามาช่วยบรรเทาได้


ด้านมาตรการ Digital Wallet มีเงื่อนไขที่เปลี่ยนไปโดยจะมีการให้กับกลุ่มเปราะบางก่อนนั้น ก็ถือว่าเป็นสิ่งทึ่ดีเป็นนโยบายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ไม่ใช่การเหวี่ยงแห ซึ่ง EIC ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาพรวมการจับจ่ายใช้สอยในระยะสั้นของรัฐบาลจะหนุนจีดีพีได้ประมาณ 0.5-0.7% แต่อย่างไรก็ตามมาตรการแก้ไขปัญหาระยะยาวหรือปัญหาเชิงโครงสร้างก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการควบคู่ไป เพื่อเป็นการกระตุ้นการเติบโตในระยะยาวต่อไป

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง