รีเซต

ปัตตานี เร่งตรวจเชิงรุก ยอดยังพุ่ง 344 ราย เสียชีวิต 2 ราย ขยายมาตรการโควิดเข้มอีก

ปัตตานี เร่งตรวจเชิงรุก ยอดยังพุ่ง 344 ราย เสียชีวิต 2 ราย ขยายมาตรการโควิดเข้มอีก
มติชน
1 สิงหาคม 2564 ( 12:03 )
28
ปัตตานี เร่งตรวจเชิงรุก ยอดยังพุ่ง 344 ราย เสียชีวิต 2 ราย ขยายมาตรการโควิดเข้มอีก

 

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยังวิกฤต ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงไม่นิ่ง และเพิ่มขึ้นสูงทุกวัน โดยล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อของปัตตานี วันที่ 31 ก.ค. พบผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 344 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ซึ่งขณะนี้มียอดผู้ป่วยสะสม 9,303 ราย รักษาหายแล้ว 6,192 ราย และเสียชีวิตสะสม 120 ราย

 

 

โดยสาเหตุที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง สืบเนื่องจากสาธารณสุขปัตตานี ได้ลงพื้นที่ทุกอำเภอ ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน เพื่อทำการตรวจเชิงรุก แบบATK ส่งผลให้พบประชาชนมีผลเป็นบวกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ก็จะดำเนินตามขั้นตอนรักษาต่อไป แยกเป็นสีแดงิสีเหลือง สีเขียว เน้นวิธีกักตัวที่บ้าน HQ และ ภายในชุมชน

 

 

ขณะที่จังหวัดปัตตานี ด้วยสถานการณ์ยังคงระบาดอย่างหนัก และไม่น่าไว้วางใจ ทำให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และ ศบค.จังหวัดได้ออกคำสั้งยายเวลาคำสั่งของมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค เพิ่มอีก 1เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 สค.- 31 สค. 2564

 

 

โดยมาตรการขยายเวลาประกอบด้วย ด่านคัดกรองโควิดให้มีการตรวจเข้ม ผู้ที่จะเดินทางออกนอกจังหวัดต้องยื่นเอกสารรับรองความจำเป็น ส่วนผู้เดินทางเข้าจังหวัดปัตตานีต้องลงจากรถ เพื่อสอบสวนและคัดกรอง
โรงเรียนหรือสถาบันต่างๆ งดเปิดการเรียนการสอย งดใช้อากคารจัดกิจกรรม หรือรวมกลุ่มจัดกิจกรรม
ร้านอาหาร เครื่องดื่มงดรับประทานในร้าน ตลาดนัด โต้รุ่ง ตลาดกลางคืนเปิดให้บริการจนถึง 20.00 น
งดใช้สนามกีฬา หรือสถานที่ออกกำลังกายต่าง และงดจัดกิจกรรมทางสังคม

 

 

ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ส่วนมาตรการโควิด19ในจังหวัดปัตตานี การห้ามออกนอก หรือเข้ามาในจังหวัดปัตตานี ยังคงมีการปฏิบัติอย่างเข้มงวด จะต้องมีหนังสื่อรับรองการออกนอกเขตจังหวัด ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่มีความจำเป็นจริงๆ ส่วนการออกมาจับจ่ายต่างๆ ให้ว่างแผนให้ดี ไปซื้อให้เพียงพอในการดำรงชีวิต และลดการออกนอกบ้านให้มากที่สุด เพื่อช่วยลดในการแพร่กระจายของเชื้อโควิด19 ส่วนมาตรการอื่นๆ จังหวัดก็ได้เร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม7โรคเรื้อรัง และกลุ่มตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อให้กลุ่มนี้ได้รับวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันให้ได้มากที่สุด เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อและเสียชีวิต

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง