หุ้นไทยวันนี้คาดปรับขึ้น เก็งกำไรกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันขึ้น

ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,615-1,635 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้น กลุ่ม Value Play โดยเฉพาะพลังงานคาดว่ายังคงนำตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังโอเปกพลังคงแผนเพิ่มกำลังการผลิตตามเดิมเดือนละ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ตลาดยังคงมีมุมมองต่อทิศทางเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้นส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐปรับตัวขึ้นอีกครั้งจากโอกาสที่เฟดอาจเร่งลด QE และขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประเมิน กดดันกระแสเงินทุนในเอเซีย
อย่างไรก็ตามภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นในระยะนี้ปรับตัวได้แข็งแรงกว่าภูมิภาค โดยยังได้แรงหนุนจากการทยอย Reopening ภายในประเทศ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือพายุลูกใหม่ที่จะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ว่าจะทำให้เกิดความเสี่ยงน้ำท่วมเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากเริ่มมีสัญญาณคลี่คลายที่ชัดเจน คาดว่าแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของดัชนียังเป็นขาขึ้นในไตรมาส 4/64
กลยุทธ์จึงแนะนำถือลงทุน และเน้นหุ้นกลุ่ม Value และ Reopening Play ได้แก่กลุ่มธนาคาร พลังงาน โรงกลั่น ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมา
ด้านบล.เคทีบีเอสที คาดดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสเดินหน้าต่อ โดยหุ้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันยังเดินหน้าต่อ ซึ่งราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ขึ้นแตะ 82 เหรียญต่อบาร์เรล ผลกระทบจากซัพพลายที่เพิ่มขึ้น ตามดีมานด์ไม่ทัน ยังทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายๆ ตัว (น้ำมัน-ถ่านหิน-ค่าระวางเรือ) เดินหน้าทำนิวไฮในรอบหลายๆ ปี ท่ามกลางความกังวลว่าราคาสินค้าพลังงานที่สูงขึ้น จะดันเงินเฟ้อและกระทบในที่สุด เนื่องด้วยโครงสร้างของ Sector ของตลาดหุ้นไทยที่ให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมีที่ค่อนข้างสูง พอหุ้นกลุ่มนี้ขึ้น จึงทำให้บรรยากาศการลงทุนดีตามไปด้วย หุ้นที่เก็งกำไรจากสถานการณ์นี้ เช่น PTTEP, BANPU, PTT, PTTGC, IRPC และ LANNA
ขณะที่การเปิดเมือง โดยรัฐบาลกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ วานนี้ครม.อนุมัติขยายเขต EEC ออกไป ดีต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะหุ้น WHA และ ROJNA ที่ได้พื้นที่เพิ่มมากกว่ารายอื่น นอกจากนี้กลุ่มที่อิงการท่องเที่ยว คาดจะได้ประโยชน์จากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดต่ำกว่า 1 หมื่นราย โดยชอบหุ้น AOT, AWC, CPN, CENTEL และ ERW