รีเซต

สหรัฐฯ เคืองรัสเซีย ยิงโดรนตกในทะเลดำ

สหรัฐฯ เคืองรัสเซีย ยิงโดรนตกในทะเลดำ
TNN ช่อง16
15 มีนาคม 2566 ( 12:55 )
77
สหรัฐฯ เคืองรัสเซีย ยิงโดรนตกในทะเลดำ



โดรน MQ-9 ของสหรัฐฯ ถูกรัสเซียยิงตก


โดรนของสหรัฐฯ ที่ถูกยิงตก คือ โดรน MQ-9 ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจบินสำรวจในน่านฟ้าสากลตามปกติ โดยพลอากาศเอก เจมส์ เฮกเกอร์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐฯ ประจำยุโรปและแอฟริกา เปิดเผยว่า หลังโดรน MQ-9 นี้ถูกยิง ก็สูญเสียการควบคุมแล้วตกลงมา ทำให้โดรนเสียหายทั้งหมด 


พร้อมประณามรัสเซียว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ปลอดภัย และไม่เป็นมืออาชีพ เสี่ยงทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับอันตรายจากอากาศยานชนกัน


ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ เพนทากอน เผยว่า เครื่องบินรบ Su-27 ของรัสเซียลำหนึ่งได้ขัดขวางการทำงานของใบพัดโดรนสหรัฐฯ พร้อมทิ้งน้ำมันบนโดรนและบินรบกวน จนทำให้โดรนเสียหาย 


อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ แต่ก็เป็นการย้ำเตือนว่า นี่เป็นความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกันระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย จากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ที่ชาติตะวันตกต่างสนับสนุนยูเครนด้วยอาวุธและเทคโนโลยีต่าง ๆ มามากกว่า 1 ปีแล้ว 


และทำให้สหรัฐฯ เรียกตัวเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ เข้าพบทันทีด้วย





ทำเนียบขาวเผย การโจมตีนี้ไม่เหมือนใคร


เพนทากอนปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าจะกู้ซากโดรน MQ-9 หรือไม่ แต่บอกเพียงว่ารัสเซียก็ยังไม่กู้ซากโดรนนี้เช่นกัน 


ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า รายละเอียดของการถูกโจมตีนั้นไม่เหมือนใคร ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะนำเรื่องนี้ไปหารืออย่างเร่งด่วนโดยตรงกับรัสเซีย พร้อมบอกว่า สหรัฐฯ ใช้โดรนบินในบริวเณดังกล่ามาอย่างต่อเนื่องราว 1 ปีได้แล้ว และยังคงจะทำต่อไป




รัสเซียเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า การที่โดรน MQ-9 ของสหรัฐฯ ตกลงในทะเลดำนั้นเป็นผลมาจากการซ้อมรบรุนแรง และการบินขึ้นอย่างผิดพลาดจากจอเรดาร์ดับ และรัสเซียไม่ได้ใช้อาวุธใด ๆ บนเครื่องบินรบทำลายโดรนสหรัฐฯ ไม่ได้สัมผัสกับอากาศยานไร้คนขับแต่อย่างใด พร้อมบินกลับรัสเซียอย่างปลอดภัยด้วย


ทั้งนี้ รัสเซียระบุว่า โดรนลำดังกล่าวถูกพบเหนือทะเลดำ บริเวณคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลดำ ที่รัสเซียได้ครอบครองตั้งแต่ปี 2014 โดยทะเลดำนั้นอยู่บริเวณทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งรวมถึงยูเครนด้วย 

—————

แปล-เรียบเรียง: พิชญาภา สูตะบุตร

ภาพ: Reuters


ข้อมูลอ้างอิง:

1, 2



ข่าวที่เกี่ยวข้อง