อียูชี้สัญญา 'แอสตราเซเนกา' มีผลจน 'วัคซีนโดสสุดท้าย' ถูกจัดส่ง
บรัสเซลส์, 11 พ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (10 พ.ค.) โฆษกสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่าสัญญาระหว่างสหภาพยุโรปและแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) บริษัทเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ มีผลบังคับใช้จนกว่าจะมีการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ครบทั้งหมดตามกำหนดในสัญญา
"สัญญายังคงมีผลบังคับใช้จนกว่าจะมีการจัดส่งวัคซีนโดสสุดท้าย" สเตฟาน เดอ เคียร์ชแมกเกอร์ โฆษกด้านสุขภาพของคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวอ้างถึงข้อสัญญา
คณะกรรมาธิการฯ ยื่นฟ้องแอสตราเซเนกาเมื่อเดือนเมษยน กรณีไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่ประเทศสมาชิกตามจำนวนที่กำหนด โดยแอสตราเซเนกาควรจัดส่งวัคซีนให้อียูรวม 300 ล้านโดส แบ่งเป็นจัดส่งวัคซีน 100 ล้านโดสในไตรมาสแรกของปี 2021 แต่บริษัทฯ กลับจัดส่งวัคซีนเพียง 30 ล้านโดส ด้านแอสตราเซเนกาให้คำมั่นจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม 70 ล้านโดสในช่วงไตรมาสสอง
อีริค มาเมอร์ หัวหน้าโฆษกคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่าสัญญาฉบับปัจจุบันระหว่างสหภาพยุโรปกับแอสตราเซเนกาครอบคลุมช่วงปี 2020-2021
คณะกรรมาธิการฯ ได้เจรจากับผู้ผลิตวัคซีนหลายรายในยุโรป และลงทุนด้านกำลังการผลิตเพื่อแลกกับการจัดสรรวัคซีนตามจำนวนที่กำหนด ทว่าแอสตราเซเนกากลับไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาและจัดส่งวัคซีนล่าช้ากว่าแผนการที่วางไว้
สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากแอสตราเซเนกานั้น "สำคัญมาก" ต่อกลยุทธ์วัคซีนของสหภาพยุโรป และอียูไม่ต้องการยุติสัญญาฉบับปัจจุบัน แต่ต้องการรับมอบวัคซีนตามจำนวนที่กำหนดไว้
"เราไม่ได้บอกว่าเราต้องการยกเลิกสัญญา เราแค่ต้องการรับประกันว่าบริษัทฯ จะจัดส่งวัคซีนตามที่กำหนดไว้ในสัญญา" มาเมอร์กล่าว