รีเซต

SCBAM เปิดวิสัยทัศน์ 10 ปี มุ่งสู่องค์กรดิจิทัลยุคใหม่

SCBAM เปิดวิสัยทัศน์ 10 ปี มุ่งสู่องค์กรดิจิทัลยุคใหม่
ทันหุ้น
23 มีนาคม 2566 ( 16:05 )
6

#ทันหุ้น - บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด นำโดยหัวเรือใหญ่ นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  พร้อมคณะผู้บริหาร เปิดแนวคิดสร้างและผลักดันองค์กรผ่านเทคโนโลยีและเอไอ  เดินหน้าสู่การเป็นองค์กรยุคใหม่ของโลกดิจิทัลในทุกมิติ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์-งานบริการที่ครบถ้วนและตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่ม  สร้างความท้าทายด้วยเป้าหมายการเป็นองค์กรอันดับหนึ่งด้านการบริหารจัดการกองทุนระดับภูมิภาคที่มีการเติบโตที่ยั่งยืน

 

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในด้านการบริหารจัดการกองทุน ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุน  การพัฒนาช่องทางการขาย และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่ดี ซึ่งส่งผลให้  บลจ.ได้รับรางวัลการันตีจากหลายหน่วยงานชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ  โดยหนึ่งในนั้นคือ  รางวัลการเป็น บลจ.อันดับหนึ่งด้าน “ความยั่งยืน” รายแรกของประเทศไทย จากเวที SET Awards  ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู่ความยั่งยืนในระยะยาว  ซึ่งปัจจุบันก็เป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับทุกองค์กรทั่วโลกด้วยเช่นกัน  

 

บริษัทจึงมีเป้าหมายผลักดันความยั่งยืนให้เข้าไปเป็นส่วนหลักในทุกกิจกรรม  เพื่อสร้างการเติบโตและให้เป็นที่เชื่อมั่นของกลุ่มพันธมิตรในระดับภูมิภาค  ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือหลักในการผลักดัน เช่น  ต่อยอดการใช้ AI & Machine Learning มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และจัดการบริหารกองทุน   และการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์ที่ดีด้านการลงทุนและการบริการให้กับลูกค้า  

 

ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดทางธุรกิจ รองรับการเติบโต และเชื่อมต่อกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ  ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้นในอนาคต (Scalable Business) โดยในปี 2576 บริษัทฯ จะก้าวสู่การเป็นที่หนึ่งด้วยวิสัยทัศน์ “To be the Regional Technology and Trusted Partner AMC” ใน 4 เรื่อง คือ (1) การสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้นักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง (2) มีช่องทางและผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างเหมาะสม และเต็มรูปแบบมากขึ้น (3)  เป็นผู้นำการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาสร้างนวัตกรรมการบริหารจัดการ  เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์  ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น

 

(4)  เสริมสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่สร้างโอกาสในการเรียนรู้ของพนักงาน  เกื้อหนุนการเติบโตและประสบการณ์ของพนักงานอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันโลกจะเดินหน้าด้วยเทคโนโลยี  แต่บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่าพนักงานมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กร  โดยบริษัทจะเน้นการสร้างวัฒนธรรมในที่ทำงานผ่านรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น  มีแนวปฏิบัติในการทำงานด้วยค่านิยมที่พนักงานงานสามารถเข้าถึงได้  และการสร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันเป็นทีม  ให้เกิดความไว้วางใจและสร้างความสุขให้กับพนักงานในระยะยาว

 

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการลงทุน เปิดเผยกลยุทธ์ด้านการลงทุนว่า   บริษัทจะผลักดันและพัฒนารูปแบบการลงทุนผ่านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง  มุ่งมั่นที่จะบริหารกองทุนด้วยวิธี Quantamental Investing ซึ่งคือ Quantitative Analysis (การคำนวนเชิงปริมาณ) รวมกับ Fundamental Analysis (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน) โดยการใช้ Big Data และ Machine Learning มาผสมผสานกับ Human Expertise เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว  ซึ่งการบริหารด้วยวิธี Quantamental Investing จะช่วยให้บริษัทสามารถขยาย Investment Universe การลงทุนได้ในวงกว้าง สามารถสร้างหรือปรับพอร์ตลงทุนได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ทั้งด้านความเสี่ยงและผลตอบแทน 

 

จากกลยุทธ์นี้ บริษัทมองว่าค่าใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลและข้อมูลมีความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับจำนวนหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นและโอกาสการลงทุนที่ตามมา ทั้งนี้ บริษัทเริ่มออกกองทุนที่บริหารโดย Machine Learning มาแล้ว 5 ปี เริ่มต้นจากการลงทุนในตลาดไทย และขยายการลงทุนตรงไปในหุ้นประเทศจีน หุ้นประเทศอเมริกา และ ETF ในอเมริกา โดยจำนวนนักลงทุนที่สนใจในการลงทุนโดยวิธี Machine Learning มีเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

 

ด้าน นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการตลาดและช่องทางการขาย กล่าวเพิ่มว่า โลกลงทุนมีนวัตกรรมการเงินเกิดขึ้นตลอดเวลา  การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ก้าวทันกับความต้องการของลูกค้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น  บริษัทจึงตั้งเป้าหมายการขยายตลาด  โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ด้วยการ (1)  จัดตั้งกองทุน Private Asset ที่มีการลงทุนเฉพาะในกลุ่ม Asset Class ต่างๆ เช่น Private Equity, Private Credit และ Private Real Estate/Infrastructure (2) เพิ่มและหาโอกาสการลงทุนในกองทุนประเภทอื่น เช่น Hedge Fund เป็นต้น สำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อย 

 

(3) วางแผนเพิ่มชนิดหน่วยลงทุนประเภท e-class และ SSF e-class  ที่ได้รับการเรียกร้องให้เปิดหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนที่ไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-ended fee) และค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management  fee) โดยล่าสุดบริษัทมีหน่วยลงทุนประเภท e-class และ SSF e-class จำนวน 80 กองทุน คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สิน (AUM) มากกว่า 2,000 ล้านบาท (ข้อมูลเดือนกุมภาพันธ์ 2566) 

 

(4) ขยายกองทุน Index Fund ให้ครอบคลุมภูมิภาคอื่น หรือ Asset Class อื่นเพิ่มเติม  เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของนักลงทุนไทยที่ต้องการไปลงทุนในต่างประเทศที่มีมากขึ้นได้  ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางพันธมิตรที่มากขึ้น  รวมถึงตัวแทนขายอิสระ  ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงปีที่ผ่านมา  นอกจากนี้ บริษัทจะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาแอพลิเคชัน SCBAM Fund Click ในการให้คำแนะนำด้านการลงทุนและบริการที่ครบวงจร เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านการเติบโตของจำนวนลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น จากการเข้าลงทุนตรงกับบริษัท

 

นางปิ่นสุดา ภู่วิภาดาวรรธน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายวางแผน เทคโนโลยีและปฏิบัติการ กล่าวว่า   การนำเทคโนโลยีเข้ามาผลักดันองค์กรเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนเป็นสิ่งจำเป็นและมีความท้าทาย  ในโลกยุคดิจิทัลที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยให้เลือกใช้มากมาย การใช้งาน Internet และข้อมูลจำนวนมาก ประกอบกับรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid model  รวมถึงความซับซ้อนของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้การรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ (Cyber Security) แบบเดิมๆ ไม่เพียงพออีกต่อไป ความสามารถในการเตรียมตัวและตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) จึงเป็นแผนกลยุทธ์ที่มีความสำคัญต่อการเดินหน้าสู่องค์กรยุคใหม่ของโลกดิจิทัล 

 

บริษัทได้นำระบบ AI มาใช้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามและการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล  พร้อมทั้งควบคุมความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีด้วยมาตรฐานสากล GRC Framework (GRC; Governance, Risk and Compliance)  ควบคู่กับการฝึกซ้อมแผนรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างสม่ำเสมอ  เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง  รวมถึงการปลูกฝังเรื่อง Security จนเป็นวัฒนธรรมขององค์กร  และกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน 

 

นอกจากนี้  เทคโนโลยียังเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยยกระดับการบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อให้กับลูกค้าในรูปแบบออนไลน์  โดยเชื่อมโยงการสื่อสารและให้บริการเป็นหนึ่งเดียวผ่าน Omnichannel ได้ตลอด 24 ชม. พร้อมนำเทคโนโลยีด้าน Biometric มายกระดับความปลอดภัยและช่วยลดขั้นตอนการทำธุรกรรมต่างๆ  ให้กับลูกค้า  เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดต่อนักลงทุนในทุกๆ ด้าน  เทียบเท่าบริษัทในระดับภูมิภาค  เทคโนโลยีจึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้องค์กรเติบโตไปสู่ระดับภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง