"ผักชีใบเลื่อย" หรือ "ผักชีใบยาว" ภาคอีสานเรียกว่า "หอมเป" และยังมีอีกหลายๆ ชื่อนั้นก็คือผักชนิดเดียวกันนั่นเอง เป็นต้นหอมที่นิยมนำมาใช้ปรุงรสประกอบอาหารกันอย่างแพร่หลาย และยังมีสรรพคุณ ทางยาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารประจำภาคไหนๆ ก็ต้องมีผักชีร้อนเป็นส่วนผสมอยู่ในนั้น ยิ่งถ้าเป็นอาหารประเภทที่ต้องการดับกลิ่นคาวละก็ จะไม่พลาดผักชีร้อนเป็นแน่นอน เรามาทำความรู้จักกับ ผักชีใบเลื่อย ต้นหอมที่มากด้วยสรรพคุณ ปลูกง่ายโตไว และเป็นยา กันเลยดีกว่าครับผักชีใบเลื่อยมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ชนิดแรกจะมีใบที่ยาวต้นใหญ่ ใบใหญ่ ลำต้นและใบชี้ตรงขึ้นจากพื้นดิน เรียกว่า "ผักชีฝรั่ง" ส่วนอีกชนิดจะมีลำต้นเตี้ย ใบเล็กสั้นเล็กกว่าพันธุ์ผักชีฝรั่งประมาณ 1-1.5 เท่าเลยก็ว่าได้ ลำต้นและใบจะปกคลุมพื้นดิน ใบมีความกรอบ เปราะ กลิ่นหอมกว่าผักชีฝรั่ง ให้รสชาติเผ็ด เย็น หอม และเปรี้ยวนิดๆ หากทานเป็นผักสด ผักชีใบเลื่อย ผักชีฝรั่งการขยายพันธุ์ทำได้ 2 วิธีคือ การขยายพันธุ์โดยแยกหน่อแยกกอไปปลูก และอีกวิธีคือนำเมล็ดที่แก่แล้วไปโรยลงดินร่วนรดน้ำให้สม่ำเสมอ ผลอ่อนผักชีใบเลื่อยจะมีสีเขียวออกผลที่ปลายช่อดอก ผลแก่ที่สามารถนำไปขยายพันธุ์ได้จะมีสีน้ำตาลดำ ในผลจะมีเมล็ดเล็กๆ จำนวนมาก เรียกได้ว่า 1 ผลปลูกได้เต็มกะละมังเลยทีเดียวผักชีใบเลื่อยสามารถทานได้ทั้งสุกและสด แต่ควรล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน เนื่องจากผักชีใบเลื่อนนั้นเป็นพืชล้มลุกที่อยู่ติดกับพื้นดินมาก หากจะรับประทานสดๆ แนะนำว่าควรล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน สารบางอย่างในผักชีใบเลื่อยจากการศึกษาค้นคว้าพบว่าสามารถทำให้เกิดนิ่ว ปัสสาวะติดขัด หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป มาดูสรรพคุณทางยาของผักชีใบเลื่อยกันครับ ด้วยความที่มีรสชาตเผ็ด เย็น และหอม จึงเป็นยาระบายและขับลมได้ดี อีกทั้งยังแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ไข่ ปวดศีรษะ ป้องกันหวัด และยังมีการสกัดเอาน้ำมันหอมระเหยไปใช้เป็นส่วนประกอบของตัวยาอีกมากมาย จะสังเกตได้ว่าผักชีใบเลื่อยจะมีกลิ่นหอมมาก ทั้งที่ยังไม่ได้เด็ด เพียงแค่สัมผัสหรือรดน้ำ กลิ่นก็จะฟรุ้งขึ้นมาให้ได้กลิ่นเลยทันที จึงเป็นอีกหนึ่งในไม้ประดับที่นำมาปลูกในกระถางตั้งไว้ตามมุมห้องช่วยในการไล่ยุงได้อีกด้วย แต่ไม่นิยมพันธุ์ผักชีฝรั่งเพราะต้นใหญ่ไม่สวยเท่าผักชีใบเลื่อย หรือพันธุ์เล็กนั่นเอง ภาพโดยผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !