วันนี้ Together จะมาเล่าเรื่องความเป็นมาของจุดกำเนิดของดินปืนว่ามีจุดกำเนิดมาจากไหนสร้างยังไงน่าสนใจขนาดไหนมาติดตามอ่านกันครับ มนุษย์เราพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือในการล่าสัตว์ตั้งแต่ขวานหินจนกลายเป็นอาวุธคือ หอก ดาบ ฯลฯ และใช้เครื่องมือเหล่านี้ประหัตประหารกันเองอีกด้วยซึ่งดูเหมือนว่ายิ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือในการฆ่าดีมากขึ้นเท่าไหร่มนุษย์ก็ยิ่งฆ่ากันมากขึ้นเท่านั้น สิ่งประดิษฐ์อย่างหนึ่งที่คนเราคิดขึ้นได้และทำให้อาวุธมีประสิทธิภาพมากกว่าที่แล้วๆ มาและสิ่งนั้นก็คือ ดินปืน ไงครับ สงครามสมัยโบราณนอกเหนือจากอาวุธที่ต้องใช้แรงคนเช่นดาบหรือกระบองแล้ว ก็มีการคิดประดิษฐ์อาวุธแบบอื่นๆที่หลีกเลี่ยงการปะทะขึ้นมาอีกและอาวุธที่นับว่าได้ผลมากในยุคกลางคือเครื่องจักรกลเบื้องต้นต่างๆเช่นเครื่องกระทุ้งทุบกระแทกกำแพงเมืองจนกระทั่งเครื่องยิงหินที่ใช้คานดีดหินขนาดใหญ่พุ่งเข้าไปทำลายสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในเมืองพังเสียหาย หลังๆเครื่องยิงหินแบบนี้โหดมากขึ้นอีกด้วยการทำให้กระสุนขนาดมหึมาลุกเป็นไฟก่อนยิง เมืองไหนที่บ้านเรือนส่วนใหญ่ทำด้วยไม้เมืองนั้นก็ยับเยินมากหน่อย ไฟจึงดูเหมือนเป็นคำตอบที่สำคัญสำหรับการทหารมากขึ้น ตั้งแต่สมัยกลางเป็นต้นมาผู้คนพยายามหาทางนำไฟเข้ามาใช้ในการหยิบยื่นความตายในสงครามมากขึ้นและแล้วในสมัยนั้นเองมีการค้นพบสิ่งประดิษฐ์ที่จะนำไปเข้าเผาผลาญฆ่าศึกสะดวกสบายขึ้นอีก " มันคือดินปืนยุคแรก " ดินปืนยุคนั้นมีส่วนประกอบสำคัญคือกำมะถัน น้ำมันดิบ ดินประสิวและสิ่งที่เรียกว่านาฟธา (Naptha - น้ำมันจำพวกปิโตรเลียม) ทำให้เปลวไฟลุกรุนแรงและทำลายล้างได้มากแล้วต้นกำเนิดของดินปืนยุคแรกก็เริ่มพัฒนาแต่นั้นมา เราไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดค้นดินปืนเป็นคนแรกรู้เพียงว่าสูตรที่ลงตัวเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 และมาจากการติดต่อระหว่างโลกอิสลามกับจีนแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าตำรับแน่ชัด ข้างอาหรับนั้นจากหลักฐานพบว่ามีอาวุธที่เรียกกันว่า "หอกไฟ" ได้รับการพัฒนาขึ้นรูปร่างเป็นทรงกระบอกซึ่งทำจากไม้ไผ่ถูกติดตรงปลายของหอกในกระบอกบรรจุดินปืนที่มีดินประสิวผสมสารเคมีจุดไฟฟ้าก็บอกให้ติดเป็นประกายไฟอยู่นานหลายนาทีกว่าดินจะพุ่งออกมาจากกระบอก ทวนไฟแบบนี้เป็นอาวุธธรรมดาในโลกอิสลามเลยทีเดียวแล้วชาวอาหรับก็มีการพัฒนาดินปืนและอาวุธต่อไปอีกเรื่อยๆ ขณะเดียวกันด้านจีน ดินปืนก็ได้รับการพัฒนาและเมื่อย้อนกลับไปก็ได้ความว่ามีการคิดสูตรดินปืนที่ลงตัวราว ค.ศ. 1044 เอกสารจีนบันทึกส่วนผสมของ กำมะถันดิน ประสิว ถ่านน้ำมันดินและน้ำมันชักเงาแห้งซึ่งสูตรนี้อาจจะเป็นพลุก็ได้ อย่างไรก็ตามปืนในยุคต้นยังไม่มีความแน่นอนนำซ้ำอาจเป็นอันตรายทั้งกับผู้ใช้เองการยิงแต่ละครั้งล้วนเดาผลไม่ได้ปัญหาเริ่มจากดินปืนเองจนมีการสรรหาสูตรเหมาะสมอยู่เป็นเวลาพอสมควร จนศตวรรษที่ 15 ไม่มีการคิดค้นดินปืนชนิดใหม่ขึ้นเป็นดินปืนที่มีส่วนผสมที่แน่นอนและอัดอากาศเที่ยงตรงกว่าเดิม นอกจากปัญหาด้านเทคนิคสูตรของดินปืนแล้วปืนใหญ่และปืนย่อมในสมัยนั้นยังมีค่าใช้จ่ายสูงทั้งการหลอมกระบอกหรือค่ากระสุนดินปืนใช้เวลาในการบรรจุก็มากกว่าไฟจะลามไปจุดระเบิดดินปืนแต่ละครั้งสำเร็จต้องใช้เวลานาน แต่ทั้งที่ทุกอย่างมันยากแสนยากขุนศึกในยุโรปทั้งหลายช่างชอบมันเหลือเกินแต่ก็เพราะว่าปืนใหญ่พวกนี้เวลายิงที่เสียงสนั่นหวั่นไหวได้ผลทางจิตวิทยาขู่กันให้คนหัวลุกเล่นๆ ทำให้คนสมัยกลางที่เชื่อเรื่องไฟนรกและอำนาจเหนือธรรมชาติอยู่แล้วต่างหวาดกลัวจนมือไม้อ่อน และโฉมหน้าของสงครามก็เปลี่ยนไปเพราะเสียงปืนนี่แหละครับ อาวุธชนิดนี้ได้รับการพัฒนาจนมีขีดความสามารถในการทำลายล้างได้แม่นยำขึ้นในศตวรรษที่ 14 คำตอบหนึ่งของการพัฒนาคือในศตวรรษที่ 14 มีสงครามเกิดขึ้นมากมายเช่นในยุโรปมีสงครามร้อยปีส่วนในภาคตะวันออกชาวจีนเริ่มกบฏต่อการปกครองของมองโกลและตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น คนนิยมปืนแผ่วงกว้างออกไปเรื่อยๆทั้งจากความสำเร็จที่มันช่วยทำให้อาณาจักรใหญ่มั่นคงและด้วยการใช้ในสงครามครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับปืนก็แผ่กว้างออกไปทั้งภาคตะวันออกและตะวันตกและมีการพัฒนามาเรื่อยๆจนปัจจุบันครับ Reference : https://en.wikipedia.org/wiki/Gunpowderขอบคุณภาพจากรูปที่หนึ่ง https://pixabay.com/รูปที่สอง https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_gunpowder#/media/File:Fire_lance.jpgรุปที่สาม https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_gunpowder#/media/File:Huolongjing_bomb.jpgรูปที่สี่ https://pixabay.com/รูปที่ห้า https://pixabay.com/สุดท้ายนี้ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามบทความของเรามาจนจบและขออภัยถ้าข้อมูลบางอย่างอาจขาดตกบกพร่องหรือผิดพลาดไปขอความกรุณาถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนผู้อ่านสามารถติชมแนะแนวได้ครับขอบคุณครับเพื่อแชร์ความรู้ด้วยกันต่อไปนะครับ😊🙏