ขอบคุณภาพปกจาก StockSnap ใน pixabay; แก้ไขโดยผู้เขียนแม้ในโลกทศวรรษที่ 2020 ที่สิ่งอำนวยความสะดวกแทบทุกอย่างหาได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว เราแทบไม่ต้องขยับไปไหนเลยในแต่ละวัน ตั้งแต่การสั่งอาหารไปจนถึงการเข้าถึงโรงภาพยนตร์ และแน่นอน รวมไปถึงเรื่องเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฟัง พูด อ่าน หรือเขียน ก็มีพร้อมเสร็จสำหรับเราแล้ว เพียงแค่เข้า App Store สำหรับ IOS หรือเข้า Play Store สำหรับ Android หรือบริการจากเว็บไซต์ต่าง ๆ มากไปกว่านั้น เรายังมีเคล็ดลับอีกมากมายในการเรียนภาษาอังกฤษให้เลือกใช้ได้อย่างมากมายมหาศาล ซึ่งตรงนี้เองคือปัญหา กล่าวคือ เคล็ดลับมันมีมากมายท่วมท้นจนเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเลือกใช้อันไหน อีกทั้งไม่รู้เลยว่าเคล็ดลับเหล่านั้นจะให้ผลสำเร็จระดับใด หรือจะประเมินได้อย่างไรว่าเรามีความก้าวหน้ามากน้อยแค่ไหน นอกจากนั้น เรากลับลืมไปด้วยว่าการจะได้มาซึ่งอะไรบ้างอย่าง เช่น การจะใช้ภาษาอังกฤษอย่างยอดเยี่ยมในการพูด เราจำเป็นต้อง ฝึกฝน หาใช่เพียงใช้เคล็ดลับหรือเพียงใช้คำแนะนำที่ยังมิได้รับการพิสูจน์ใด ๆ ทั้งสิ้น ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในด้านดังกล่าวได้ อนึ่ง เมื่อเราก้าวข้ามประเด็นเคล็ดลับต่าง ๆ นา ๆ เราจะเจออีกหนึ่งปัญหาในทางปฏิบัติ (แม้ไม่ใช่ปัญหาเดียว) คือ เราจะเริ่มอย่างไร หากกล่าวอย่างตรงไปตรงมา สำหรับคนที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยอย่างเช่นผม (ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีแค่ผมคนเดียวดอกที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษในประเทศนี้) ผมจะต้องทำอย่างไรเล่า ในบางเคล็ดลับบอกว่าให้ฟังภาษาอังกฤษ แต่คำถามคือแค่ฟังจริง ๆ หรือ ? อีกเคล็ดลับบอกว่าให้อ่านทุกวัน เอาจริง ๆ นะ ถ้าอ่านได้ขนาดนั้นคงมานั่งเปิดหาเคล็ดลับหรอกครับ เหนือสิ่งอื่นใด บางเคล็ดแนะนำให้คุยกับชาวต่างชาติหรือหาเพื่อนชาวต่างชาติไปเลย เดี๋ยวนะครับ!!! เอาเป็นว่าเปิดประเด็นให้ผู้อ่านขบต่อกันเองก็แล้วกันอย่างไรก็ตาม แม้ไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย แต่ผมก็อยากที่จะพัฒนาตัวเองในด้านภาษา โดยเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุด นั่นคือ การฟัง โดยไม่ต้องห่วงนะครับ (ว่าเขามาตั้งเยอะ) สิ่งที่ผมแบ่งปันนี้เป็นสิ่งที่ผมก็กำลังทำอยู่ แม้จะยังไม่สำเร็จอะไรมากมายนัก แต่กรุงโรมก็ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวนี่นา ทั้งนี้ ผมขอแนะนำ eslfast.com เว็บไซต์ซึ่งจะทำให้เราทั้งฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษได้ครบทั้ง 4 ด้าน แต่ในบทความนี้ผมจะกล่าวถึงแค่ด้านการฟังและพูดเท่านั้น โดยมีเพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น เริ่ม!!!1. เข้าเว็บไซต์ eslfast.comขอบคุณภาพจาก eslfast.comเข้ามาแล้วเราจะเจอหน้านี้ (ผมขอเบลอโฆษณาที่ขึ้นบริเวณหน้าเว็บไซต์นะครับ) และเลื่อนลงไปเรื่อย ๆ จะเจอแบบหน้าด้านล่าง ซึ่งตรงนี้เราต้องยอมรับ แบบยอมรับจริง ๆ นะครับว่าภาษาอังกฤษของเราอยู่ในระดับใด แต่ผมแนะนำให้เอาแบบเด็ก ๆ ก่อน นั่นคือ English Level 1ขอบคุณภาพจาก eslfast.com2. English Level 1ขอบคุณภาพจาก eslfast.comเลือก 1. Morning แล้วจะไปหน้านี้ขอบคุณภาพจาก eslfast.comแรกสุดให้เราแปลสิ่งที่เรากำลังจะพูดก่อนนะครับ ซึ่งอย่างไปเครียดมาก ใช้ Google แปลภาษา ไปเลย แล้วทำยังไงก็ได้ให้เราเข้าใจ เอาแค่นี้ก่อนครับพอเข้าใจเนื้อหาแล้ว ก็ได้เริ่มฟังก่อนสัก 2-3 รอบจากนั้นก็เริ่มพูดตามเลยครับ แต่ต้องเริ่มทีละประโยค ค่อย ๆ ต่อค่อย ๆ เติมไปทีละเล็กละน้อยตรงนี้มีเคล็ดลับนิดหนึ่งนะครับ ถ้าคุณสามารถตัดต่อเสียงได้ ไม่ว่าจะด้วยโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ ให้ตัดเสียงเป็นแต่ละประโยค จากนั้นค่อยเปิดฟังและพูดตามนะครับ รับรองว่าในเวลาที่รวดเร็ว คุณจะสามารถจำและพูดประโยคนั้นได้อย่างแน่นอน3. ทำทุกวันขอบคุณภาพจาก AbsolutVision ใน pixabayตามจริงวิธีการมันก็หมดไปตั้งแต่ข้อที่ผ่านมาแล้ว แต่ในหัวข้อนี้เป็นการเน้นย้ำว่าต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ทุกวันนี้มันไม่มีดอกครับคนเก่ง มันมีแต่คนสม่ำเสมอ ทั้งนี้ เมื่อผ่านไปซัก 4-5 แบบฝึกหัด คุณจะพบว่า คุณอยากจะ Up Level แต่ผมว่าควรจะใจเย็น ๆ นะ เอาสัก 10 แบบฝึกหัดก่อน แล้วค่อยเลื่อนก็ยังไม่สาย เพราะ Level ถัดไปมันจะยาวขึ้น และพูดเร็วขึ้น ซึ่งมันจะทำให้เราท้อและล้มเลิกไป ดังนั้น ช่วงแรก ๆ ขอแค่ทำอย่างเป็นประจำ เพื่อให้ติดเป็นนิสัย จากนั้นก็ค่อยว่ากันต่อครับ อ้อ...แล้วหากถามว่าแต่ในละแบบฝึกหัดต้องฝึกนานแค่ไหน เอาเป็นว่าก็แล้วแต่คุณจะพอใจครับ เพราะประโยคเหล่านั้นมันทั้งสั้น พูดง่าย และมันจะติดหูเราตลอดวันอยู่แล้ว กระนั้นก็ตาม ผมไม่อยากให้คุณเครียดกับผลลัพธ์ในช่วงแรก ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทำใมฉันยังจำไม่ได้ ? ทำใมฉันยังพูดไม่ได้ ? ทำในสำเนียงยังไม่เหมือนเขา ? เหล่านี้ เอาเป็นว่าทำใจร่ม ๆ แล้วไปนอนนะครับ4. นอนขอบคุณภาพจาก KatinkavomWolfenmond ใน pixabayเอาจริง ๆ ไม่เพียงแต่กับเรื่องนี้ แต่สำหรับทุกสิ่งอย่าง เราเคยสังเกตไหมว่า เมื่อวันแรกที่เริ่มลงมือทำอะไร มันจะยังไม่ค่อยดีนัก แม้จะตั้งใจมากแล้วก็ตาม แต่พอวันถัดมามันกลับเริ่มดีขึ้น และดีขึ้นอีกในวันถัดมา ใช่ครับ! เมื่อสมองเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ แล้ว การนอนจะทำให้สมองเราเรียบเรียง จัดเรียง จัดการกับสิ่งใหม่เหล่านั้นที่มันได้เรียนรู้ และเมื่อมันเริ่มลงตัวและเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์มันก็จะดีขึ้นเอง ดังนั้น จงอย่ายึดติดกับผลลัพธ์และนอนหลับไปซ๊ะ!!!ผมรู้จักวิธีเหล่านี้มาพอสมควรแล้ว แต่ก็ละเลยมันมาตลอด จนทุกอย่างเริ่มจวนตัวและมีความจำเป็นต้องให้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง แม้แอปพลิเคชันและเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมไปถึงเคล็ดซึ่งไม่รู้ว่าลับหรือไม่ลับทั้งหลายจะอำนวยความสะดวกให้แล้ว ก็ไม่วายที่จะต้องมานั่งหัดพูด หัดเขียนใหม่ทั้งหมดอยู่ดี ดังนั้น เมื่อเรามีเวลา จะไม่ดีกว่าหรือที่เราจะเตรียมตัวเพื่อรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต อย่าให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเกิดกับใครอีกเลยแยกย้ายครับ