รีเซต

ครม. ให้โรงรับจำนำกู้เบิกเกินบัญชี 500 ล้านบาทอีก 2 ปี ช่วยประชาชนถังแตกจากโควิด-19

ครม. ให้โรงรับจำนำกู้เบิกเกินบัญชี 500 ล้านบาทอีก 2 ปี ช่วยประชาชนถังแตกจากโควิด-19
ข่าวสด
25 สิงหาคม 2563 ( 16:57 )
93
ครม. ให้โรงรับจำนำกู้เบิกเกินบัญชี 500 ล้านบาทอีก 2 ปี ช่วยประชาชนถังแตกจากโควิด-19

 

ครม. ไฟเขียวให้โรงรับจำนำกู้เบิกเกินบัญชี 500 ล้านบาท อีก 2 ปี เพื่อเป็นเงินทุนสำรองสำหรับหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่อง-หวังช่วยประชาชนถังแตกจากโควิด-19

ให้โรงรับจำนำกู้ 500 ล้าน - น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) อนุมัติต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน 500 ล้านบาท ของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 ก.ย. 2563 ออกไปอีก 2 ปี คือ เริ่ม 1 ต.ค. 2563 จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2565 โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ เพื่อเป็นเงินทุนสำรองสำหรับหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ

 

ความจำเป็นการต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีในครั้งนี้ เนื่องจากการดำเนินงานของ สธค. เป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ประสบปัญหาเฉพาะหน้าด้านการเงิน โดยให้บริการรับจำนำ ซึ่งไม่สามารถกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนได้ จึงทำให้ สธค. มีความเสี่ยงในการขาดสภาพคล่องในบางช่วงเวลา อีกทั้งผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยต้องการใช้เงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ดังนั้น สธค. จึงจำเป็นต้องมีเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับหมุนเวียนรับจำนำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 และสามารถรองรับการดำเนินงานในการให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวได้รับการบรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตามที่ ครม. ได้มีมติอนุมัติไปแล้วเมื่อ 18 ส.ค. 2563

 

น.ส.รัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า การกู้เงินประเภทเบิกเงินเกินบัญชีนั้น หาก สธค. ไม่ได้เบิกมาก็จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ประกอบกับ สธค. มีความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถนำส่งเงินรายได้แผ่นดินตามที่กระทรวงการคลังกำหนด จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทางการเงินการคลังของรัฐบาลในภาพรวม ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะดำเนินการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย. นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง