เปิดมุมมอง 4 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,520-1,540 จุด หลังจากปรับตัวขึ้นแข็งแรง 2 วันที่ผ่านมารับโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามมติจากการประชุม 8 พรรคร่วมจะยังเสนอชื่อนายพิธาในการลงมติเลือกนายกฯ รอบที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. เช่นเดิม และมีการทาบทามพรรคชาติไทยพัฒนาและประชาธิปัตย์ให้ลงคะแนนให้ ซึ่งหากตอบรับจะได้เสียงเพิ่มอีก 35 เสียง รวมกับคะแนนเสียงเดิม 324 เสียงเป็น 359 เสียง โดยยังต้องการเสียงสนับสนุนจากสว.เพิ่มอีก 16 เสียง ให้ครบ 375 เสียง ซึ่งเรามองว่ายังค่อนข้างยาก เช่นเดียวกับการแก้ไขกฎหมายมาตร 272
อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์การเมืองจะมีแนวโน้มยืดเยื้อและกินเวลานานมากขึ้น แต่หากมองข้ามสถานการณ์ปัจจุบันและท้ายที่สุดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเป็นฝ่ายเพื่อไทยขึ้นนำแทน เรามองว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกต่อเนื่องต่อนโยบายที่เอื้อต่อตลาดทุนมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในระยะสั้นอย่างเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อหัว ซึ่งเป็นบวกต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุน เราคาดกลุ่ม Domestic Play มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ Global Play เช่นกลุ่มลังงานอาจพักตัวระยะสั้นหลังราคาน้ำมันดิบที่ชะลอ
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไร 2Q23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมแล้วยังถือลงทุนต่อเนื่อง
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : CPALL, CPN, MINT, NSL, TOA
หุ้นเด่นวันนี้ : BBL
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 197 บาท
• เราประเมินกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 1 หมื่นลบ. –1% q-q และ +44% y-y หนุนจาก NIM ที่คาดปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.ที่ปรับขึ้นตั้งแต่ 2H23 จาก 0.5% สู่ระดับ 2% ณ ปัจจุบัน และ BBL เป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์สูงสุด
• ด้านคุณภาพสินทรัพย์คาดว่ายังแข็งแรงจากสัดส่วนฐานลูกค้า Corporate ที่สูง เราประเมินกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 3.8 หมื่นลบ. +29% y-y และ Valuation ยังถูกโดยปัจจุบันเทรด PBV เพียง 0.6 เท่า เป็นหนึ่งใน Top Pick กลุ่มธนาคาร
• แนวรับ 155//150 บาท แนวต้าน 165-166.50 บาท
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ผันผวน แต่มีโอกาสปิดบวก นักลงทุนรอดูการโหวตนายกฯ วันพรุ่งนี้ ขณะที่จีนเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น โดยตัวเลข GDP(2q) ของจีนที่ออกมาวานนี้(17) ที่ 6.3% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ที่ 7.1% ฉุดราคา Commodity ให้ปรับตัวลง (ล่าสุด Brent $78.6 เหรียญ) มีผลลบต่อราคาหุ้นน้ำมัน และปิโตรเคมี
• ตลาดแต่ละที่เริ่มเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบการ ขณะที่ของไทยเริ่มมีแรงเข้าเก็งงบกลุ่มแบงก์ที่จะมีการทยอยรายงานช่วงปลายสัปดาห์ (เราชอบ KBANK, KTB)
• การเมืองไทย มีโอกาสที่คุณ พิธา จะไม่สามารถถูกเสนอชื่อในการโหวตนายกฯ 19 ก.ค.นี้ ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 (ข้อที่ 41) คือห้ามเสนอญัตติซ้ำ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ “เพื่อไทย” จะถูกเสนอชื่อขึ้นมาแทน เรามองว่าความเสี่ยงในการเกิดการประท้วงที่จะเข้ามารบกวนตลาดหุ้น (แต่คาดว่าจะไม่รุนแรง เพราะยังอยู่ในขั้วเดียวกัน)
• นักลงทุนต่างชาติ Net buy หุ้นไทยวานนี้(17) ที่ 802 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทยังทรงตัวอ่อนค่า ล่าสุด 34.5 บาท/ดอลลาร์
• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขยอดขายรถยนต์ของไทย และการประชุมเพื่อพิจารณาราคาดีเซล
Strategy
• เกมส์การเมือง ที่ยังเข้มข้น “เพื่อไทย” มีโอกาสสูงขึ้นที่จะมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล โดยวันนี้ น่าจะรู้ว่าคุณพิธา จะถูกเสนอชื่อเพื่อโหวตเป็นครั้งที่สองได้หรือไม่ เรายังมองตลาดในทางบวกต่อเรื่องนี้อยู่
• หุ้นอิงการเมือง ที่จะได้ประโยชน์จากการมีรัฐบาลใหม่ ตัวที่มีความโดเด่น ในหุ้นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ (GULF, CPALL, CPAXT,CRC) และหุ้นอิงการลงทุน (WHA, BEM)
• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น CBG, IVL ออกจากพอร์ต และนำหุ้น WHA, TLI เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบด้วย WHA(20%), TLI(10%), BH(20%), KBANK(10%), TRUE*(10%), NEX(10%)
Strategy Stock Pick
WHA: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 5.00 บาท) “ยอดขายที่ดินได้แรงหนุนจากเงินลงทุนต่างชาติ”
•แนวโน้มยอดขาย-โอนที่ดินของ WHA จะเติบโตเด่นใน 2H23E สำหรับภาพการลงทุนจากต่างประเทศใน 2Q23E มีโอกาสโตต่อ QoQเทียบกับ มูลค่าเงินลงทุนจากต่างชาติ (FDI) 1Q23 ที่ 1.55 แสน ลบ.
•รายได้จากธุรกิจ Utility โตตามยอดขายที่ดินและ Operation ในนิคมที่เร่งตัว อุตสาหกรรมกลุ่ม EV+ Supply Chain ส่วนใหญ่มาที่นิคมระยอง WHA เด่นสุดในกลุ่มดีทั้ง 2 ขา
•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E-2024E ที่ 4 พัน ลบ. และ 4.78 พัน ลบ. -1%YoY และ +20%YoY ตามลำดับ
Technical : SISB, ITC
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,515 – 1,520 แนวต้าน 1,530 – 1,535 คาดทรงตัวรอผลการโหวตนายกฯ รอบ 2 ในวันพรุ่งนี้ แนะนำทยอยซื้อ BBL,KBANK,SCB,KTB/ กลุ่มทุนใหญ่ ADVANC,INTUCH,GULF,GPSC/ กลุ่มอิงการเมือง SIRI,SC,PR9,CK,STEC
CPN* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 81.00 บาท) แนวโน้ม 2Q66 คาดกำไรยังมีโมเมนตัมเติบโต YoY จากเม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยช่วงเทศกาล และรับรู้โครงการ Marche ทองหล่อเต็มไตรมาส สำหรับแนวโน้มปี 66 ตลาดคาดกำไรอยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท +17%YoY มีแผนการขยายศูนย์การค้าต่อเนื่อง โดย Central Westville ราชพฤกษ์จะเสร็จใน 4Q66 และโครงการพัฒนาอสังหาฯ ที่รอโอนในช่วง 2H66 // ส่วนประเด็นการต่ออายุสัญญาเช่าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และเซ็นทรัลประราม 2 เดินหน้าตามแผนมูลค่าไม่เกิน 2.5 หมื่นล้านบาท ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ CPNREIT อนุมัติ 31 ก.ค.66 โดย CPN จะเพิ่มสัดส่วนลงทุนใน CPNREIT เป็นไม่เกิน 40% จากเดิม 30% ลดความกังวลของตลาด
PR9* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 21.70 บาท) ประเมินภาพรวมการดำเนินงานในปี2566 จะยังสามารถเห็นการเติบโตได้ โดยปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ(โดยเฉพาะคลีนิก IVF ที่เน้นผู้ป่วยชาวจีน) จะสามารถ outweight รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับ Covid-19 ได้ นอกจากนี้กลุ่มผู้ป่วย IPD ของ PR9* ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อนที่มีรายได้ต่อบิลสูงกว่าผู้ป่วย Covid-19 โดยทางผุ้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี66 จะเติบโต 8-9% และ วางงบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ รวมปรับปรุงพื้นที่อาคาร A ชั้น 1 เพื่อรองรับเฉพาะผู้ป่วยชาวต่างชาติ ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี66 และ ปี67 จะขยายตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 578 ลบ.(+2%YoY) และ 645 ลบ.(+12%YoY) ตามลำดับ
**บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาด SET ในระยะสั้นมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1534 และ 1550 จุด ตามลำดับ เนื่องจากสัญญาณเทคนิคในระยะสั้นเข้าสู่ภาวะ overbought และอาจมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการโหวตนายกฯ ครั้งที่สอง ในวันพรุ่งนี้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1518 จุด หากต่ำกว่าจะเห็นการพักตัวชัดขึ้น และมีแนวรับถัดไปที่ 1506 จุด
หุ้น Focus
BBL 2Q66 คาดกำไรเติบโต 56%YoY และ 8%QoQ ซึ่งเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งสุดในกลุ่มธนาคาร แรงหนุนจากการตั้งสารองที่ลดลงและ NIM ที่กว้างขึ้น อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ
LH 2Q66 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ และ 2H66 จะเริ่มมี Presales ฟื้นตัวจากแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ที่ตั้งเป้า 3.5 หมื่นลบ. (+8% YoY) ซึ่งกว่า 80% จะเปิดใน 2H66 อีกทั้งมี Upside Risk จากแผนขายสินทรัพย์ 2 ชิ้นในกลุ่มโรงแรมให้กับ LHHOTEL ช่วง 4Q66