นาฬิกาข้อมือหยุดลงตามพลังงานของมันที่อยู่ข้างในเป็นตัวจุดชนวนความอยากรู้เรื่องนึงขึ้นมา ถ้าเวลาของเราหยุดจริง ๆ ขึ้นมาละ ผมไม่ใช่หมายถึงนาฬิกาชีวิตนะ หมายถึงเวลาของโลกเราละ ตามที่เรารู้เเละเรียนมาตั้งแต่เด็กคาบเรียนวิทยาศาสตร์คุณครูมักจะบอกว่าโลกของเรานั้นหมุนรอบตัวเองตลอดเวลาและหมุนรอบดวงอาทิตย์ด้วย ระบบสุริยะของเราเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4500 ล้านปีก่อนจากการหมุนของก๊าซและฝุ่นผงในอวกาศ ซึ่งโลกของเราก็เกิดระหว่างนั้นด้วย ความเร็วในการหมุนของโลกตัวเองตอนนี้อยู่ที่ 1,674.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ นักวิทยาศาสตร์เค้าคาดการณ์ว่าโลกเราจะหมุนตัวช้าลง 2 วินาทีต่อ 1 แสนปี มันอาจจะดูน้อยบางคนอาจจะคิดแบบนี้แต่ในตอนนี้เป็นที่กังวลของนักวิทยาศาสตร์หลาย ๆ คน ว่าการหมุนรอบตัวเองช้าลงจะหมุนตัวช้าลงมากขึ้นและมาจำนวนครั้งที่มากกว่าเดิม พวกเค้าเลยมีการตั้งข้อสมมติฐานมาอย่างน่าสนใจขอบคุณรูปภาพจากhttps://cdn.pixabay.com/photo/2014/02/04/10/13/business-257911_1280.jpg 1.เวลาที่เปลี่ยนแปลง ตอนนี้เราใช้ GPS ดาวเทียมในการกำหนดเวลาของโลกแต่ถ้าจู่ ๆ วันนึงโลกของเราเวลาช้าลงแม้แต่นาทีเดียวจะทำให้เวลาผิดเพี้ยนไป บางคนบอกนิดเดียวเองแค่ 1 นาที แต่เราลองมาสมมติกันนะครับ เครื่องบินเวลาที่จะจอดตามสนามบินต้องมี GPS คอยบอกเวลาและเส้นทางที่เหมาะสมของแต่ละเครื่องถ้าคลาดเคลื่อนกันแม้แต่นาทีเดียว ครั้งละหลายๆลำอาจจะทำให้เครื่องบินชนกันได้ น่ากลัวไหม ที่น่าสนใจ คือถ้านับตามอายุโลกแล้วเมื่อก่อนนี่ 1 วันเท่ากับ 21 ชั่วโมงนะขอบคุณรูปภาพจากhttps://cdn.pixabay.com/photo/2019/06/15/13/00/death-valley-4275549_1280.jpg 2.น้ำทะเลที่เปลี่ยนแปลง ถ้าโลกเราชะลอการหมุนตัวจะทำโลกของเรานูนขึ้นตรงเส้นศูนย์สูตรทำให้ดูเหมือนโลกเป็นคล้าย ๆ วงรี และ นำ้บริเวณเส้นศูนย์สูตรจะถูกดันตัวเคลื่อนที่ไปบริเวณขั้วโลกและประเทศไหนที่อยู่บริเวณขั้วโลกจะจมน้ำทั้งหมด ลองคิดดูครับว่าน้ำกว่าสิบล้านตันเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วจะเกิดอะไรขึ้น มันรุนแรงยิ่งกว่าสึนามิเสียอีกนะ น่ากลัวกว่าข้อ 1 อีกนะครับเนี่ย และ แผ่นดินใหม่จะเกิดขึ้นครับเนื่องจากน้ำจะย้ายไปจำนวนมากจะทำให้แผ่นดินบริเวณเส้นศูนย์สูตรที่จมน้ำอยู่ขึ้นจะโผล่ออกมา อาหารหลักของเราในตอนนั้นจะเป็นสัตว์ที่อยู่บนบก ส่วนปลาทะเลที่ไปตามน้ำนั้นส่วนใหญ่อาจจะสูญพันธุ์เพราะปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากกระแสน้ำเย็นและน้ำอุ่นที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย ถึงตอนนั้นสัตว์บกอาจจะสูญพันธุ์เพราะถูกล่าก็เป็นได้ สิ่งน่าสนใจของข้อ 2 นี่มีสองอย่างนะสำหรับตัวผู้เขียนคือ 1.อากาศที่เราหายใจนั้นมาจากทะเล 50% เชียวนะ ไม่ได้มาจากต้นไม้อย่างเดียวนะครับ 2.แพนเจีย เราจะได้ได้เห็นแผ่นดินแพนเจียกลับมาอีกครั้ง แพนเจียคืออะไรทราบไหม ทวีปต่าง ๆ บนโลกที่ต่อกันเป็นทวีปเดียวครับ เนื่องจากน้ำทะเลลดลงเราออาจจะเห็นแผ่นดินที่จมลงกลับมาเชื่อมกันขอบคุณรูปภาพจากhttps://cdn.pixabay.com/photo/2016/09/12/21/57/earthquake-1665870_1280.jpg 3.แผ่นดินแยกจากกันและแผ่นดินไหว ซึ่งเกิดขึ้นหลาย ๆ จุดแบบคาดเดาไม่ได้ในโลกตอนนี้เราอาจะมีเสียงเตือนภัยนะจากการการวิเคราะห์ของนักวิทยาศาสตร์จะมีการเตือนประชาชนในพื้นที่ เปลือกโลกในแต่ละชั้นของเรามีเปลือกโลกชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน ปกติมันจะเคลื่อนตัวพร้อมๆกัน หากมีการหมุนตัวช้าลงของโลกหรือชะงักไปจะทำให้เปลือกโลกเคลื่อนตัวไม่สัมพันธ์กันจะทำให้กระทบกัน เกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินแยก อีกทั้งยังทำให้ภูเขาไฟระเบิด แบบคาดเดาไม่ได้ ซึ่งส่งผลหลายอย่างเหมือนข้อ 2 นะถ้าเกิดแผ่นดินแยกบริเวณทะเล อุณหภูมิน้ำทะเลจะสูงขึ้นปลาที่ปรับตัวไม่ได้จะสูญพันธ์ ภูเขาไฟระเบิดจะบดบงวิสัยทัศน์การมองเห็นและหายใจลำบาก ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ขอบคุณรูปภาพจากhttps://cdn.pixabay.com/photo/2016/01/22/23/33/berlin-1156844_1280.jpg 4.สนามแม่เหล็กโลกหายไป โลกของเราเมื่อหมุนตัวเองจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กที่เป็นเกราะกำบังโลกเราไม่ว่าจะเป็นพวกอุกกาบาตหรือแม้กระทั่งรังสีต่างๆที่เป็นอันตรายต่อโลกในอวกาศ ถ้าโลกเรามีสนามแม่เหล็กอ่อนลงหรือหายไปจะทำให้แสงและรังสีของพระอาทิตย์ตรงสู่โลกเราแบบเต็ม ๆ ซึ่งทำให้โลกเรามีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 50 องศา และ จะเป็นมะเร็งผิวหนังแบบ 100 % 5.ถ้าโลกหยุดหมุนทันทีจะเกิดปรากฏการณ์สองอย่างที่น่ากลัวมากนั้นคือ1.ทุกสิ่งที่ไม่ได้ถูกยึดไว้กับพื้น จะปลิวไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็วมากกว่า 1,000 ไมล์ต่อชั่วโมง นั่นรวมถึงชั้นบรรยากาศ จะเกิดลมแรงเท่า ๆ กับการเกิดระเบิดปรมาณู2.จะเกิดสึนามิขนาดใหญ่ที่กวาดล้างแผ่นดินเข้าไปไกลกว่า 28 กิโลเมตร ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที และนี่คือผลลัพธ์อันน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นกับโลกเราใบนี้ หากจู่ ๆ โลกก็หมุนช้าลงหรือหยุดหมุนเสีย ถามว่าตอนนี้โลกจะมีโอกาสหยุดหมุนหรือไม่ คำตอบคือคงเป็นไปได้ยาก แต่ในอนาคตอันไกลโพ้นก็ยังไม่แน่ว่า อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เราไม่รู้ ทำให้โลกเกิดหยุดหมุนก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ผู้เขียนคงได้เวลาเอานาฬิกาไปเปลี่ยนถ่านแล้ว ไว้เจอกันครั้งหน้านะครับขอบคุณรูปหน้าปกจาก https://www.canva.com/th_th/