ส.อ.ท. ชี้ปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น ดันต้นทุนเพิ่มสูงแต่ยังรับไหว

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ได้ออกมาเปิดเผยว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น เป็นภาระต้นทุนทางการเงินจริง แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค หลายประเทศปรับดอกเบี้ยขึ้นสูงกว่าไทยมาก ซึ่งที่ผ่านมามีการประเมินโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไว้แล้วว่ามีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการมีการวางแผนเตรียมไว้แล้ว 

โดยถ้าอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นถึงร้อยละ 1.25 ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่ายังรับไหวอยู่ เพราะปัจจัยที่สนับสนุนเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว เริ่มกลับมาดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 7-8 ล้านคน และยังรวมไปถึงการกระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่านโครงการต่างๆของรัฐ ดังนั้นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจึงไม่เป็นปัญหาสำคัญ ขอเพียงมีกำลังซื้อ และดีมานด์หรือความต้องการเท่านั้น

ด้านการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้การนำเข้าสินค้ามีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่กระทบต่อผู้ประกอบการส่งออก ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมากน้อยเท่าใดนั้น ยังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ และพิจารณาจากสหรัฐ 

ในขณะที่ประธานสมาคมธนาคารไทย นายผยง ศรีวณิช กล่าวว่า แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นการผ่อนคันเร่ง เพราะหากเทียบดอกเบี้ยในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งต่ำสุดอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.25 แต่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 0.50 เท่านั้น

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยว่า อยากให้รัฐบาลคิดให้รอบคอบต่อการปรับดอกเบี้ยที่ดันให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น เพราะจะมีผลกระทบที่ตามมาแน่นอน แต่สิ่งที่ควรกังวลในภาคเศรษฐกิจจริงๆ คือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในช่วงขาขึ้นของการท่องเที่ยวและธุรกิจต่างๆ มากกว่า 

ข้อมูลจาก : TNN ONLINE

ภาพจาก : TNN, AFP