‘ความหวังดี’ เกิดขึ้นได้ในหลาย ๆ ความสัมพันธ์ และหลาย ๆ สังคม ทั้งครอบครัว เพื่อน คนรัก หรือครูบาอาจารย์ แต่น้อยคนนักที่จะสามารถแยกแยะ หรือรู้ได้ว่า ‘ความหวังดี’ นั้น ส่งผลดีต่อคน ๆ นั้นจริง ๆ รึเปล่า? เพราะในบางกรณี อาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนหัวข้อของเราในวันนี้ นั่นก็คือ เมื่อความหวังดี กลายเป็นการทำร้ายเครดิต : unsplashหวังดี ไม่ใช่หวังร้าย แต่ทำไมถึงกลายเป็นการทำร้าย?แน่นอนว่าความหวังดีนั้น เป็นผลดีแน่นอน หากเราหวังดีกับคนถูกคน หวังดีในเรื่องที่ถูกต้อง ถูกกาลเทศะ สถานที่และเวลา แต่ความหวังดี ที่จะกลายเป็นผลร้ายนั้น แตกต่างกันกับแบบแรกอย่างสิ้นเชิง เพราะแทนที่เราหวังดีเราน่าจะได้รับความชื่นชม หรือมิตรภาพดี ๆ แต่อาจจะกลายเป็นทะเลาะกัน ไม่คุยกัน หรือเกลียดกันไปเลยก็ได้ยกตัวอย่าง ‘ความหวังดี ที่เป็นผลดี’ เช่น ติวหนังสือให้เพื่อน เพื่อให้เพื่อนได้คะแนนดี ๆ ก็คือได้ทั้งเพื่อน ทั้งเรา เราก็ได้ทบทวนความรู้ที่มีในหัว ให้ออกมาอีกครั้ง เหมือนเป็นการเช็คความถูกต้องไปในตัว เพื่อนก็ได้ความรู้เพิ่ม และอาจจะจำได้ง่ายกว่า เพราะเราสรุปมาให้แล้ว เป็นต้น ส่วน ‘ความหวังดี ที่เป็นการทำร้าย’ เช่น ให้เพื่อนลอกข้อสอบ เพราะอยากให้เพื่อนได้คะแนนดี ๆ อันนี้ผิดอย่างมาก เนื่องจากเป็นการทำผิดกฎระเบียน อีกทั้งยังทำให้เพื่อนไม่ได้รับความรู้อะไรเลย ส่งผลให้วันที่ไม่มีเราคอยให้ลอกข้อสอบ เพื่อนก็จะทำไม่ได้นั่นเอง แถมยังเสี่ยงต่อการโดนจับได้ แล้วสอบตกทั้งคู่อีกด้วย ดังนั้นหากเป็นความหวังดีที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ ผลก็เลยจะออกมาแบบไม่ดีนั่นเองจ้าเครดิต : unsplashแล้วเราควรจะทำยังไง สังเกตยังไง ว่าเราควรหวังดีตอนไหน?เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกันค่ะ เหมือนที่ไรท์พูดเกริ่นไปในตอนต้น นั่นก็คือ...ถูกคน คือ หวังดีกับคนที่เขาต้องการความหวังดีนั้นของเรา ไม่ยัดเยียดความหวังดีของเราให้กับใคร เพราะถ้าหวังดีกับคนที่เขาไม่ต้องการ ก็ไม่ได้เป็นผลดีเสมอไปนะคะถูกต้อง คือ หวังดีอย่างถูกต้อง เช่นกรณีที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น เรื่องการให้ลอกข้อสอบ ซึ่งผิดกฎระเบียบ เพราะถ้าอยากให้เพื่อนได้คะแนนดี ควรเปลี่ยนจากหวังดีเลยให้ลอกข้อสอบ เป็นหวังดีเลยติวสอบให้จะดีกว่าถูกกาลเทศะ คือ หวังดีแบบไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เช่น เพื่อนเลิกกับแฟน หวังดีก็เลยทักไปด่าแฟนเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เพื่อนไม่ได้ขอให้ทำ แบบนั้นก็ไม่น่าดีนะคะถูกสถานที่ และเวลา คือ หวังดีต่อกันไม่พอ เราควรจะเข้าใจกันด้วย ว่าคนที่เรากำลังใช้ความหวังดีด้วยนั้น เขาต้องการมันตอนนี้หรือยัง เช่น แฟนพึ่งออกห้องสอบ แล้วบอกว่าสอบไม่ได้ เราก็พูดเพราะหวังดีอยากให้เขาคิดได้ว่า “บอกให้อ่านหนังสือเยอะ ๆ ไม่เชื่อ” แล้วแฟนก็นอยด์ไปอีก นั่นแหละค่ะ เพราะมันผิดเวลาไง ดังนั้นหวังดีอะไรต้องดูเวลาด้วยนะคะเครดิต : unsplashก็ประมาณนี้นะคะ กับหัวข้อ เมื่อความหวังดี กลายเป็นการทำร้าย หวังว่าทุก ๆ คนจะได้ความรู้ และรู้จักใช้ ‘ความหวังดี’ ไปในทางที่ถูกที่ควรมากขึ้นนะคะ จะได้ไม่ต้องมาเซ็งเวลาที่หวังดีแล้ว แต่ไม่ได้ดี หวังดีแล้วกลับถูกมองไม่ดี เป็นต้นจ้าเครดิตภาพหน้าปก : unsplash