ถ้าใครถามว่าอ้อมเคยลองไม่ใช้เงินกับของฟุ่มเฟือยดูไหม? ตอบเลยค่ะว่าเคย และนี่แหละคือประสบการณ์ลองทำที่ทั้งท้าทาย สนุก และแอบมีดราม่ากับตัวเองอยู่พอสมควร เริ่มต้นแบบมุ่งมั่น (แต่แอบหวั่น ๆ) ก่อนจะเริ่มชาเลนจ์นี้ อ้อมต้องนิยามให้ชัดก่อนว่า "ของฟุ่มเฟือย" สำหรับอ้อมคืออะไร เพราะบางอย่างที่คนอื่นมองว่าไม่จำเป็น อ้อมกลับมองว่า “ขาดไม่ได้!” เช่น ชานมไข่มุก บางทีการได้ดื่มชาไข่มุกตอนบ่ายเหมือนเติมไฟชีวิต! แต่เพราะอยากลองจริงจัง เลยต้องตัดใจจัดมันอยู่ในลิสต์ฟุ่มเฟือยด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็มีเสื้อผ้าใหม่ เครื่องสำอาง ของแต่งบ้านจุกจิก แล้วก็ขนมที่ไม่จำเป็นอีกเพียบ อ้อมตั้งกฎง่าย ๆ ว่า “ซื้อเท่าที่จำเป็นเท่านั้น” หมายถึงของกินที่อยู่ท้อง ของใช้ที่ขาดไม่ได้ และการจ่ายบิลต่าง ๆ ที่จำเป็นจริง ๆ ชีวิตวันแรก ๆ: อดใจไหว แต่ใจบางมาก วันแรก ๆ ของชาเลนจ์ อ้อมต้องต่อสู้กับตัวเองหนักมากค่ะ โดยเฉพาะเวลาผ่านร้านชานมไข่มุก ใจมันร้องไห้แต่ต้องเดินผ่านไปให้ได้ หรือพอเห็นโฆษณาเสื้อผ้าลดราคาในมือถือ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด (ถึงขั้นลบแอปช้อปปิ้งออกจากเครื่องไปเลย) ช่วงนั้นรู้สึกว่าต้องใช้พลังใจมหาศาล แต่ก็ได้ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เราเผลอซื้อของฟุ่มเฟือยคือ “ความเคยชิน” มากกว่าความต้องการจริง ๆ นะ กลางเดือน: ความอยากเงียบไป แต่ความเหงาเริ่มมา พอเข้าช่วงกลางเดือน เริ่มรู้สึกว่า “ความอยากซื้อ” น้อยลงค่ะ แต่สิ่งที่มาแทนคือ “ความเหงา” เพราะของฟุ่มเฟือยบางอย่างมันไม่ใช่แค่ของ แต่คือประสบการณ์ เช่น การซื้อของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ มาแก้เซ็ง หรือการนั่งคาเฟ่จิบกาแฟแก้วโปรด เราเลยต้องหากิจกรรมใหม่ ๆ มาเติมเต็มแทน อ้อมเริ่มทำอาหารเองมากขึ้น เพราะถือเป็นการประหยัดด้วย และยังได้ลองอะไรใหม่ ๆ เช่น ทำขนมปังสูตรง่าย ๆ หรือหัดชงกาแฟดริปที่บ้าน ช่วงนี้ทำให้อ้อมได้เรียนรู้ว่าความสุขบางอย่างสร้างเองได้โดยไม่ต้องเสียเงิน สิ้นเดือน: เก็บเงินได้ แต่ได้อะไรมากกว่านั้น พอครบเดือน อ้อมลองนับเงินที่เคยใช้จ่ายกับของฟุ่มเฟือยดู พบว่าเดือนนี้เหลือเงินเพิ่มมาเกือบ 2,000 บาทค่ะ! ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าการตัดใจจากอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้เราเก็บเงินได้เยอะขนาดนี้ แต่นอกจากเงิน อ้อมยังได้บทเรียนสำคัญ คือการรู้จักแยกแยะระหว่าง “ของที่ต้องการ” กับ “ของที่อยากได้” และยังรู้ด้วยว่าหลายครั้งการใช้เงินไปกับของฟุ่มเฟือย ไม่ได้เติมเต็มความสุขเท่ากับการมีเป้าหมายใหญ่ เช่น การเก็บเงินไปเที่ยวที่อยากไปจริง ๆ อ้อมลองดูเงินที่อ้อมเหลือแต่ละวัน มานับๆ เยอะเกินคาดจริงๆ ค่ะ ดีใจมากๆ เลย สรุป การลองไม่ใช้เงินกับของฟุ่มเฟือย 1 เดือนของอ้อมมันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่มันคือการปรับมุมมองเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเลยค่ะ อ้อมได้เรียนรู้ว่าเราคุมเงินได้มากกว่าที่คิด และยังได้ไอเดียใหม่ ๆ ในการสร้างความสุขโดยไม่ต้องพึ่งการซื้อของด้วย ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาวิธีท้าทายตัวเอง หรืออยากเริ่มต้นเก็บเงิน ลองทำชาเลนจ์นี้ดูนะคะ อ้อมบอกเลยว่ามันคุ้มค่ากับทุกความอดทนแน่นอน! 😊 อ้างอิง ภาพจาก www.pixabay.com / ภาพที่ #1 user sam651030 / ภาพที่ #2 user Geof08 / ภาพที่ #3 user TanerSoyler / ภาพที่ #4 user Fotorech / ภาพหน้าปก user Alexas_Fotos ภาพที่ #5 โดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !