บล.กสิกไทย สแกน "KTC" แนวโน้มดีขึ้น แต่ราคาแพงเกินไป
ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย ส่องหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC มีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์ จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ธุรกิจใหม่ดูเหมือนต้องใช้เวลาในการเติบโต ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ 10% และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 7% ในปี 2565 ตามคาด เงินกู้ที่มีหลักประกันจะเพิ่มเป็น 2.5 พันลบ. ในปี 2565 โดย KTC จะบันทึก ECL พิเศษของ KTBL ในไตรมาส 4/2564 แต่จะหักจากราคาซื้อกิจการ คงคำแนะนำ “ขาย” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 45 บาท
การใช้จ่ายเริ่มกลับมาในไตรมาส 4/2564 ฝ่ายวิจัยเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ของ KTC เมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) และกลับมาพร้อมกับมุมมองที่เป็นกลาง เนื่องจากผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตในระดับปานกลางในปี 2565 และธุรกิจใหม่อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนากลยุทธ์ ผู้บริหารมองว่าการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตดีขึ้น ตั้งแต่เดือน ต.ค. หลังห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง และเริ่มมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น รวมถึงการทำงานจากที่บ้านที่น้อยลง นอกจากนี้ KTC ยังเตรียมจัดแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้น การใช้จ่ายช่วงเทศกาลส่งท้ายปี เก่า ดังนั้น ผู้บริหารจึงคาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมในปี 2564 จะลดลงเล็กน้อยหรือทรงตัว YoY
ตั้งเป้าการเตบิ โตระดับปานกลางในปี 2565 ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตใปี 2565 ที่ 10% โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคและยอดการเปิดบัตรใหม่ที่คาดจะสูงขึ้นเป็น 250,000 ราย เมื่อเทียบกับ 150,000-170,000 ราย ในปี 2564 ผู้บริหารคาดว่าสินเชื่อส่วนบุคคลจะเติบโตในระดับปานกลางที่ 7% ในปี 2565 เนื่องจาก KTC จะคงเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อในปี 2565 และตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจจานำทะเบียนรถยนต์ให้เติบโตขึ้นเป็น 2.5 พันลบ. ในปี 2565 หลังจากวางแผนดาเนินกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดร่วมกับสาขาของธนาคารในปี 2565 ผู้บริหารยังตั้งเป้าสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อเช่าซื้อภายใต้ KTBL ที่ 1.5 พันลบ. และ 1.0 พันลบ. ตามลำดับ โดยจะเน้นที่สินเชื่อรถยนต์ที่ให้ผลตอบแทนสูงในปี 2565
ธุรกิจใหม่จะใช้เวลาพิสูจน์ความสำเร็จนานขึ้น คาดว่าธุรกิจใหม่ของ KTC ซึ่ง คือ ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และสินเชื่อเช่าซื้อ จะใช้เวลานานขึ้น ในการพิสูจน์ความสำเร็จในปี 2565 หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 และการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ความร่วมมือกับ KTB มองว่าเป้าหมายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ในปี 2565ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากตลาดน่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ในปี 2565 ตามเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อของผู้ล่นหลักอย่าง MTC SAWAD และ TIDLOR และผู้เล่นใหม่อย่าง AutoX
ชำระเงินครั้งสุดท้ายของการซื้อ KTBL ในเดือน พ.ย. และอาจบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษ นอกจากแนวโน้มการเติบโตแลว้ ผู้บริหารยังระบุว่าจะมีการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) แบบครั้งเดียวสำหรับการซื้อ KTBL ในไตรมาส 4/2564 และจะส่งผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนรวมของ KTC ในไตรมาส 4/2564 อย่างไรก็ตาม ECL ที่เพิ่มขึ้นมาจะถูกนำไปหักจากราคาซื้อสุดท้ายของ KTBL แต่กำไรจะถูกบันทึกผ่านส่วนของผู้ถือหุ้น ฝ่ายวิจัยคาดว่า ECL แบบครั้งเดียวดังกล่าวจะอยู่ในช่วง 500-600 ลบ. ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อกำไรสุทธิของ KTC ในไตรมาส 4/2564 ที่ราว 300-360 ลบ.
คงคำแนะนำ“ขาย” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 45 บาท เชื่อว่ามูลค่าหุน้ KTC ปัจจุบันแพงเกินไป เนื่องจากซื้อขายด้วย PBV ปี 2565 ที่ 4.9 เท่า ซึ่งเกือบเท่ากับ 2SD สูงกว่าระดับเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง ขณะที่คาดว่า PER ปี 2565 ของ KTC จะอยู่ที่ 20.9 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับ PER เฉลี่ยของกลุ่มการเงิน แต่คาดว่ากำไรสุทธิของ KTC จะเติบโตช้าลงมาอยู่ที่ 10% เทียบกับการเติบโตของทั้งกลุ่มธุรกิจที่ 16%