รีเซต

สาวโอนผิดลั่น ให้เวลาคู่กรณีใช้เงินคืนครบ ด้านสาวบุรีรัมย์ อ้างอยากออกจากบ้านแต่กลัวนักข่าว

สาวโอนผิดลั่น ให้เวลาคู่กรณีใช้เงินคืนครบ ด้านสาวบุรีรัมย์ อ้างอยากออกจากบ้านแต่กลัวนักข่าว
มติชน
19 พฤษภาคม 2565 ( 13:13 )
42
สาวโอนผิดลั่น ให้เวลาคู่กรณีใช้เงินคืนครบ ด้านสาวบุรีรัมย์ อ้างอยากออกจากบ้านแต่กลัวนักข่าว

สาวโอนเงินผิดลั่นให้เวลาคู่กรณีใช้เงินคืนครบก่อนตำรวจออกหมายจับ ด้านสาวบุรีรัมย์อ้างอยากออกจากบ้านไปหาเงินมาชดใช้ แต่กลัวนักข่าวเฝ้าสุ่มอยู่หน้าบ้าน

 

จากเหตุการณ์ที่ นางสาววิราวรรณ ชวดพงษ์ อายุ 40 ปี ที่อยู่ 9/229 หมู่ที่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ผู้ประกอบกิจการบริษัท SP Foods จำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็ง และวัตถุดิบหมูกระทะทุกชนิด ได้โอนเงินผิดบัญชี จากที่ต้องการโอนให้คู่ค้าจำนวน 293,439 บาท แต่กดเลขผิด 1 ตัว ทำให้ยอดเงินถูกโอนไปยังบัญชีของ นางเสาวณีย์ (ขอสงวนนามสกุล) หญิงสาวชาวจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วนางเสาวณีย์ฯ คืนเงินกลับมาให้เพียง 160,000 บาท ขณะที่เงินที่ยังขาดอยู่อีก 133,439 บาทนั้น นางเสาวณีย์ฯอ้างว่า ได้ใช้หมดแล้ว หากอยากได้ให้แจ้งความดำเนินคดีเอา โดยนางเสาวณีย์ยินยอมติดคุก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาครได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ส่งไปยังนางเสาวนีย์ฯ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด เมื่อ วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางสาววิราวรรณ ผู้เสียหาย ซึ่งก็ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเย็นวานนี้ตนเองได้รับการติดต่อกลับมาจากนางเสาวณีย์ฯ คู่กรณีแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมรับสาย และปิดโทรศัพท์หนีไปเลย ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับทางฝ่ายโน้นบอกว่า ตอนนี้รู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่กระทำลงไป และอยากจะขอชดใช้เงินคืนให้ทั้งหมด ส่วนหมายเรียกครั้งที่ 1 นั้น ยังส่งไปไม่ถึงบ้านของคู่กรณี

โดยทางคู่กรณีต้องการจะนำรถจักรยานยนต์ที่เอาเงินของตนเองไปตัดหนี้จนได้เล่มมานั้นไปขาย เพื่อนำเงินมาคืนให้ตนราวๆ 20,000 บาท แต่มีปัญหาตรงที่ไม่กล้าออกจากบ้านเพราะมีนักข่าวมาเฝ้ารอที่หน้าบ้านตลอดเวลา จึงทำให้เกิดความกลัวว่าถ้าออกไปแล้วจะเจอนักข่าวสัมภาษณ์แล้วไม่สามารถตอบคำถามได้ ทั้งนี้หากหลบเลี่ยงนักข่าวออกไปได้ ก็จะรีบเอารถจักรยานยนต์ไปขายหรือเข้าไฟแนนซ์ และโอนเงินคืนมาให้ทันที ส่วนที่เหลือจะขอผ่อนคืนจนกว่าจะครบทั้งหมด

ซึ่งในส่วนของปัญหานักข่าวนั้นตนเองได้บอกกับคู่กรณีไปว่า ขอเพียงแค่ยอมรับผิดต่อการกระทำอย่างจริงใจ ก็เชื่อได้ว่าสังคมจะเข้าใจและยอมให้อภัยอย่างแน่นอน แต่เรื่องของการคืนเงินแบบผ่อนชำระนั้น ตนเองต้องขอดูเจตนาที่ชัดเจนของคู่กรณีก่อน ว่าจะพูดจริงแล้วทำจริงหรือไม่ ซึ่งตนได้ขีดเส้นไว้ว่า หากคู่กรณีสามารถคืนเงินกลับมาได้ครบทั้งหมดก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับ ตนเองก็พร้อมที่จะยอมความกับคู่กรณี แต่ถ้าตำรวจออกหมายเรียกครบ 2 ครั้ง จนนำไปสู่การออกหมายจับแล้วคู่กรณียังผ่อนชำระคืนไม่ครบในจำนวนที่ขาดไปคือ 133,439 บาท ก็จะให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้ที่ตั้งใจกระทำความผิดดังกล่าว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่สังคมและเพื่อต้องการสอนให้คนที่นำเงินของตนไปนั้น ได้รู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดอีกด้วย

นางสาววิราวรรณ ยังบอกอีกว่า สำหรับในส่วนของธนาคารฯ ตนเองได้รับการติดต่อมาเพียงแค่บอกว่า ทางธนาคารฯ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการให้อยู่ ซึ่งจากการที่ได้สนทนาแล้วนั้น ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจต่อการให้บริการของธนาคารฯ เพราะตนรู้สึกว่า ตนเป็นลูกค้าอย่างไรเสียธนาคารฯ ควรมีการให้บริการที่ดีและรวดเร็วในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อลูกค้าเช่นนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง