FORTH มุ่งธุรกิจชาร์จอีวี ชู Q4บุ๊กงานใหญ่800ล.
ทันหุ้น – FORTH พร้อมรุกธุรกิจ EV Charger แย้มเจรจาพันธมิตรต่อเนื่อง และไม่ปิดกั้นโอกาสทำ OEM ในแบรนด์ที่ลูกค้าต้องการ มองในระยะยาวเทรนด์รถไฟฟ้ามาจริง จับตาผลงานไตรมาส 4/2564 โตต่อเนื่อง เล็งส่งมอบงานใหญ่ มูลค่า 800 ล้านบาท ดันผลงานตามเป้าที่ 8.5-9 พันล้านบาท ลุ้นผลประมูลงานรัฐอีก 2 โครงการปลายปีนี้ ด้าน FORTH MRO โรงซ่อมเครื่องบิน หวังรับรู้รายได้ปี 2566 พร้อมเดินหน้าติดตั้งคาเฟ่อัตโนมัติ “เต่าบิน” ดันสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่ม
นายชัชวิน พิพัฒน์โชติธรรม ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2564 อาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่บ้าง แต่ในไตรมาส 4/2564 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการรับรู้งานโครงการใหญ่ ได้แก่ โครงการเข้าติดตั้งรถบรรทุก ประเภท รถเครน ให้แก่ลูกค้ามูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งหากสามารถส่งมอบงานดังกล่าวได้จะทำให้รายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ 8,500 -9,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ทำได้ 7,082 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัททำรายได้แล้วกว่า 4,036 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 386 ล้านบาท
*ประมูลงานตามแผน
ทั้งนี้บริษัทยังเดินหน้าในการประมูลงานต่อเนื่องตามแผนงานที่เคยแจ้งไว้ว่ามีการเข้าร่วมประมูลงานทั้งสิ้น 17 โครงการ มูลค่ากว่า 9,700 ล้านบาท คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/2564 นี้จะสามารถรู้ผลการประมูลจำนวน 2 โครงการ เป็นโครงการขนาดเล็ก แต่คาดว่างานส่วนใหญ่จะไปทราบผลการประมูลในช่วงปีหน้า
อย่างไรก็ดี บริษัทจะมุ่งเน้นการผลักดันรายได้ประจำ (Recurring Income) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 60% คาดว่าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการขยายธุรกิจในหลายส่วน อาทิ Tao Bin Café คาเฟ่อัตโนมัติ “เต่าบิน” ซึ่งเป็นตู้ขายเครื่องดื่มมากกว่า 100 รายการ โดยปัจจุบันมีการติดตั้งมีให้บริการแล้วกว่า 250 จุด คาดสิ้นปีจะทำได้เกิน 500 ตู้ โดยบริษัทมีเป้าหมายในปี 2566 จะมีจำนวนตู้ 20,000 ตู้ หรือมียอดขายกว่า 1 ล้านแก้วต่อวัน โดยธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 60% นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนาตู้ให้มีรูปลักษณ์ที่หรูหราขึ้น
*เปิดกว้างพันธมิตรรุกธุรกิจอีวี
นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าในการเข้าไปในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าโดยบริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้าน EV Charger ทั้งโซลูชั่นและบริษัทยังได้จัดทำแอปพลิเคชั่น “Be Wallet” เพื่อมาช่วยรองรับบริการด้วยและบริษัทไม่ปิดกั้นโอกาสที่จะทำการรับจ้างผลิต (OEM) ในแบรนด์ที่ลูกค้าต้องการด้วย แต่ทั้งนี้การติดตั้งสถานีชาร์จอาจจะต้องสอดคล้องกับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตแต่บริษัทก็เชื่อว่าเป็นเทรนด์ของโลกที่จะมีการผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
ส่วนของบริษัทร่วมทุน กับ AOT คือ “FORTH MRO” จะทำโรงซ่อมเครื่องบิน ที่บริษัทได้สิทธิ์บริหารพื้นที่คลัง 3 ในพื้นที่สนามบินดอนเมือง ได้สัมปทาน 15 ปี ปัจจุบันโครงการมีความล่าช้าเพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่เชื่อว่าหากสถานการณ์กลับมาดีขึ้น การเดินทางโดยการบินจะมากขึ้น ทำให้คาดว่าจะสามารถมีรายได้ในส่วนนี้ในปี 2566
*คาเฟ่เต่าบินทำเงิน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง FORTH ว่า เติบโตแข็งแกร่งจากเต่าบินคาเฟ่บริษัทมี 3 ธุรกิจหลัก คือ ผลิตและบริการด้านอิเล็กทริก (EMS), เอ็นเตอร์ไพรซ์โซลูชั่น และสมาร์ทเซอร์วิส โดยยังคงศึกษาและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง คาดกำไรเติบโตแข็งแกร่งในปี 2563-2564-2565 โดยกำไรสุทธิปี 2564 ขยายตัวแกร่ง เติบโต 32% และคาดการณ์ว่าจะเติบโตก้าวกระโดด เติบโต 92% ในปี 2565 และเพิ่มเติบโตต่อ 42% ในปี 2566 ปัจจัยหนุน คือ
1. การขยายเต่าบินคาเฟ่ (เราประมาณการว่าเต่าบินจะอยู่ที่ 500 เครื่องในปี 2564 และเพิ่มเป็น 1 พันเครื่อง ในปี 2565 โดยปัจจุบันมี 170 เครื่อง) ลูกค้าเป้าหมาย คือ คอนโด, โรงพยาบาล, โรงงาน, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, อาคารสำนักงาน เป็นต้น สำหรับตู้เต่าบิน บริษัทพัฒนาและผลิตเอง 2.รายได้จากธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์โซลูชั่น และ 3. บริการด้านการเงิน (โอนเงิน เบิกเงิน) ผ่านตู้บุญเติม ซึ่งปัจจุบันมีตู้บุญเติม 1.3 แสนเครื่อง
ขณะที่บริษัทเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่แน่นอน ได้แก่ EV Charger ภายใต้แบรนด์ EV NET ซึ่งบริษัทมองว่าธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตสูงตามทิศทางของ EV Car, มีแผนสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานและบริการด้านนี้ โดยบริษัทชนะประมูล สัญญา 15 ปีกับ AOT คาดจะเริ่มดำเนินการในปลายปี 2566 โดยรายได้เข้ามาตั้งแต่ต้นปี 2567 คำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 24 บาท อิงกับ P/E ปี 2565 ที่ 19.2 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)