สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้เป็นวันหยุด ฝุ่นควันก็ลดน้อยลง เป็นนิมิตรหมายอันดีที่เราจะออกนอกบ้านไปหาขนมอร่อย ๆ รับประทานกัน เดินไป เดินมาก็ตกลงใจเลือกเฟรนช์โทสต์มาประดับพุง เมื่อเห็นคำว่า “เฟรนช์” เราก็คิดว่ามันน่าจะมาจากฝรั่งเศสกระมัง? ? แต่เปล่าเลย ประวัติศาสตร์ของ "เฟรนช์โทสต์" สามารถสืบย้อนกลับไปได้ไกลจนถึงตำราอาหารของ Apicius นักชิมชาวโรมันชื่อดัง ที่มีการรวบรวมไว้ในช่วงศตวรรษที่ 4-5 นู่นเลยในตำราอาหารของ Apicius มีบันทึกสูตรอาหารคาวหวานต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นมีสูตรของว่างที่คาดว่าคือเฟรนช์โทสต์ในปัจจุบัน ซึ่งบรรยายถึงขนมปังขาวตัดขอบ จุ่มลงในไข่และนม จากนั้นนำไปทอดในน้ำมัน แล้วราดด้วยน้ำผึ้ง ฟังจากลักษณะแล้วก็คล้ายกับภาพเฟรนช์โทสต์ที่เราคุ้นเคยกันในสมัยนี้อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้สรุปว่าเฟรนช์โทสต์มีต้นกำเนิดมาจากชาวโรมันก็ดูจะง่ายเกินไป เนื่องจาก ในยุโรปมีการบริโภคขนมปังกันอย่างแพร่หลายมายาวนานหลายร้อยปีก่อนหน้านั้นแล้วภาพประกอบจาก Vural Yavas from Pexels ขนมปังชุบไข่ทอดนี้พบได้ในหลากหลายวัฒนธรรมในยุโรป โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ในประเทศฝรั่งเศส ขนมปังแบบนี้เรียกว่า Pain Perdu ซึ่งตามรูปศัพท์หมายถึงขนมปังเก่า เมื่อนึกภาพตามว่าต้องเอาขนมปังแห้ง ๆ เก่า ๆ กลับมาดัดแปลงทำกินใหม่ พิจารณาแล้วก็เหมาะสมกับชื่อดี หรือในอังกฤษ และอีกหลายประเทศเรียกขนมปังแบบนี้ว่า Poor Knights หรือ Arme Ritter ซึ่งเป็นชื่อที่ผูกเข้ากับวิถีชีวิตของขุนนาง นายทหาร หรือชนชั้นสูงที่มีค่านิยมว่าต้องรับประทานขนม หรืออาหารว่างหลังอาหารค่ำ แต่เมื่อบางคนมีฐานะไม่ดี จึงจำต้องพัฒนาขนมปังชุบไข่นี้ขึ้นมารับประทานทดแทนภาพประกอบจาก annaj from Pixabay แม้จะมีชื่อเรียกขนมปังชุบไข่ทอดนี้หลากหลายชื่อ แต่คำว่า French Toast (เฟรนช์โทสต์) น่าจะถูกใช้เป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 17 เมื่อชาวอังกฤษเริ่มเดินทางเข้าไปตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกา แต่ทำไมคนอเมริกันถึงเรียกขนมแบบนี้ว่า “เฟรนช์โทสต์” ?? นั่นก็อาจจะเป็นเพราะคำว่า French หรือฝรั่งเศสนี้ ให้ความรู้สึกหรูหรา มีรสนิยม อย่างที่เกิดขึ้นกับกรณีเฟรนช์ฟรายส์ ที่มีการอ้างว่าประธานาธิบดีทอมัส เจฟเฟอร์สัน เป็นผู้เริ่มเรียกมันฝรั่งหั่นแล้วทอดว่า "มันฝรั่งเสิร์ฟแบบฝรั่งเศส" จนกลายเป็น "เฟรนช์ฟรายส์" ในทุกวันนี้ เนื่องด้วยการหั่นแล้วเสิร์ฟเป็นชิ้นทำให้รู้สึกมีระดับแบบฝรั่งเศส แม้ประเทศฝรั่งเศสจะไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดก็ตามสูตรดั้งเดิมของการทำเฟรนช์โทสต์ คือการนำเอาขนมปังแผ่นหนาลงไปชุบในไข่ที่ตีแล้วผสมกับนม ส่วนในปัจจุบันมีการพัฒนาสูตร เพิ่มรสชาติ ใส่น้ำตาล เกลือ เพิ่มกลิ่นวานิลลา ซินนามอน หรืออื่น ๆ สุดแล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของพ่อครัว จากนั้นนำไปทอด หรือจี่จนสุกเหลือง รับประทานกับน้ำผึ้ง เมเปิลไซรัป ไอศกรีม แยม หรือผลไม้ต่าง ๆ หรือถ้าจะปรับเป็นของคาว ก็สามารถใส่ชีส เบคอน และอื่น ๆ ตามแต่จะรังสรรค์ภาพประกอบโดย Larry White from Pixabay จากวัตถุประสงค์เดิมที่แค่เสียดายไม่อยากทิ้งอาหารไป เฟรนช์โทสต์ในวันนี้กลายเป็นขนมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปไกลอย่างที่ Apicius อาจจะนึกไม่ถึงเลยทีเดียว เชิญคุณผู้อ่านที่สนใจทดลองชิมเฟรนช์โทสต์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็นแบบโบราณที่ร้านออน ล็อก หยุ่น ย่านวังบูรพา แบบญี่ปุ่นที่ร้าน After You หรือแบบหรูหราสไตล์ยุโรปที่ร้าน Kay's Boutique Cafe เซ็นทรัล เอ็มบาสซีค่ะแล้วพบกันใหม่เมื่อหิวนะคะ/ OB