cr. unsplash ในตอนนี้คงปฏิเสธกันไม่ได้ว่าสถานการณ์ ไวรัสโควิค19 ที่ระบาดไปทั่วโลก นับวันจะมีความน่ากลัวเพิ่มมากขึ้น พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศรวมทั้งผู้เสียชีวิตแ ต่หากมองในอีกมุมหนึ่งสถานการณ์นี้ ก็น่าจะเป็นบทเรียนและสอนให้พวกเรามีสติ และพร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์วันนี้เราเลยนำข้อคิดที่น่าสนใจจากการติดตามสถานการณ์นี้มาบอกเล่ากัน cr. unsplash. 1. กรณีศึกษา การรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดไม่ว่าจะเป็นในส่วนของประชาชนทั่วไปหรือในส่วนของภาครัฐ องค์กรต่าง ๆ การรับมือกับ สถานการณ์โรคระบาด ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้จากสถานการณ์นี้ เพราะในครั้งนี้การแจ้งเตือน การให้ข่าวสารการให้ความรู้ที่ถูกต้อง ไม่ค่อยจะชัดเจนประชาชนส่วนใหญ่ หาข้อมูลแจ้งข่าวสารกันเอง ทำให้เกิดความสับสน และ เกิดสถานการณ์บานปลาย จนทำให้เกิดการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือแม้แต่แอลกอฮอล์ ที่ขาดตลาดมีกักตุนสินค้าและขายในราคาแพง เพราะผู้คนทั่วไปไม่มั่นใจในสถานการณ์ ไม่รู้ว่าจะรับมือกันอย่างไรจะต้องระมัดระวังตัวเองกันมากแค่ไหน นี่คือสิ่งแรกที่มองเห็นจากสถานการณ์นี้cr. unsplash 2. เรียนรู้จากความบกพร่องใน มาตรการต่าง ๆ จากภาครัฐที่ไม่ค่อยชัดเจนคงต้องยอมรับว่าหลายประเทศ ไม่ใช่แค่ไหนประเทศไทย รับมือกับสถานการณ์ ไวรัสระบาด กันแบบฉุกละหุก การให้ข้อมูลต่าง ๆ การแจ้งเตือนและมาตรการคัดกรอง ไม่ว่าจะเป็นผู้คนของประเทศตัวเอ งที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือแม้แต่การระมัดระวังป้องกันในประเทศเอง ก็พบว่ามีปัญหาค่อนข้างมาก เช่นในประเทศอิตาลี มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเร็วจนต้องปิดแคว้นหรือปิดเมือง ห้ามเข้าออกในส่วนที่มีพื้นที่กระจายของไวรัส หรือแม้แต่ในบ้านเราเอง มาตรการการคัดกรองก็ยังดูหละหลวม เพราะยังมีผู้ติดเชื้อจากประเทศที่มี ความเสี่ยงสูงไม่ว่าจะเป็น เกาหลี อิหร่าน หรือ แม้แต่อิตาลี รวมทั้ง จีน เข้ามาในไทยตามข่าว ดังนั้นสถานการณ์แบบนี้น่าจะเรียนรู้เพื่อพัฒนาในการรับมือโรคระบาดที่อาจจะมีขึ้นอีก เพราะโรคระบาดคงไม่มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว อย่างแน่นอนcr. unsplash 3.การให้ความรู้ทางด้านสุขอนามัยเกี่ยวกับโรคระบาดต่าง ๆ อย่างถูกต้องไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ หรือที่เคยเกิดขึ้นในอดีต หากสังเกตกันให้ดีเ หมือนเราจะไม่เรียนได้เรียนรู้จากสิ่งที่ผ่านมาเลย ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งข่าวสาร การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ดังนั้นจากสถานการณ์ ไวรัสระบาด ครั้งนี้น่าจะมีการทำเป็นกรณีศึกษา และนำมาพัฒนาเป็นองค์ความรู้ เกี่ยวกับโรคระบาดต่าง ๆ พร้อมทั้งแจกจ่ายให้กับประชาชน เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้เป็นประโยชน์ ในวงกว้างcr. unsplash 4.มาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมีช่องโหว่จนทำให้เกิดเป็นการสร้างผลประโยชน์ในกลุ่มบุคคลต่าง ๆสิ่งที่เห็นได้ชัดจากสถานการณ์ ไวรัสโควิค19 ระบาด ครั้งนี้คือเรื่องของการกักตุนสินค้า การจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูง โดยเฉพาะ หน้ากากอนามัย และ เจลล้างมือ จากความตื่นตระหนกของประชาชน ที่ต้องการจะมีอุปกรณ์ป้องกันไว้เพียงพอกับการใช้งาน เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเบาลงเมื่อไหร่ และมันกลายเป็นช่องโหว่ให้กลุ่มบุคคล สร้างรายได้เข้าตัวเอง เกิดการกักตุนสินค้า ขายเกินกว่าความเป็นจริง ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมcr. unsplash 5.ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้าย ทุกคนต่างอยากเอาตัวรอด ไม่อยากติดเชื้อไวรัส แม้ว่าจะมีข้อมูลระบุออกมาแล้วว่า ช่องทางการติดเชื้อ จะเกิดจากอะไรบ้าง จะระมัดระวังตัวเองได้อย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่ลดความตื่นตระหนกของผู้คนในสังคม ประกอบกับความเห็นแก่ตัว ความไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวมของผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ที่ไม่ยอมกักตัวเองตามมาตรการ เฝ้าระวังอย่างน้อย 14 วัน ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทยมีหลายประเทศที่ประสบปัญหาเดียวกัน มันเป็นเรื่องของจิตสำนึก ที่คงจะต้องบอกว่าสอนกันยาก แต่ หากเข้าใจสถานการณ์รับผิดชอบเห็นแก่ส่วนรวม ยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละประเทศ ก็คงจะไม่เพิ่มสูงขึ้นทุกวันแบบที่เป็นอยู่ cr. unsplash 6.สิ่งที่กำลังเกิดและอาจจะเกิดในอนาคตโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้นในทุกช่วง ของยุคสมัยต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับว่าจะมาในลักษณะใด แพร่กระจายไวหรือช้ายากหรือง่าย ก็แล้วแต่ชนิด ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ไวรัส 9 ในครั้งนี้ มันค่อนข้างที่จะรวดเร็ว การกระจายแบบเท่าทวีคูณ ประกอบกับเมื่อมีสถานการณ์ระบาดในช่วงแรกมีการปิดข่าวมีการบิดเบือนข้อมูล ทำให้สถานการณ์การระบาดกระจายไวกว่าที่คิดทุกประเทศในโลกนี้ได้รับบทเรียนที่เหมือนกันจากสถานการณ์นี้ ส่วนจะปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคต เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือโรคระบาดครั้งใหม่ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ จะมีนโยบายทางด้านนี้อย่างไร รวมถึงประชาชนทุกคนจะเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้หรือไม่ โรคระบาด มันมีเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน แม้ว่าวิวัฒนาการทางการแพทย์ของมนุษย์จะก้าวหน้าก้าวไกล แต่โรคระบาดที่มาจากธรรมชาติหรือจากน้ำมือมนุษย์นั้นมันก้าวเร็วกว่าหลายเท่าตัว หากเราไม่เรียนรู้และเตรียมพร้อมโรคใหม่ ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอาจจะคร่าชีวิตคนบนโลกไปมากกว่านี้ก็เป็นได้