รีเซต

CPALLกลยุทธ์O2Oทำเงิน กวาดยอดขายโตเกิน10%

CPALLกลยุทธ์O2Oทำเงิน กวาดยอดขายโตเกิน10%
ทันหุ้น
20 สิงหาคม 2564 ( 00:16 )
223

 

ทันหุ้น – CPALL กางแผนครึ่งปีหลัง 2564 ชูกลยุทธ์ O2O ดันยอดขายสินค้าอาหารพร้อมทานและเครื่องดื่มเติบโตสูงโดยเฉพาะบริการ 7-Eleven Delivery ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายโดยรวมเกิน 10% ขณะที่สินค้าด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมตอกย้ำลงทุนโลตัสเป็นการสร้างผลตอบแทนและหนุนฐานธุรกิจ CPALL ให้แข็งแกร่งในอนาคต ส่วนแผนเปิดสาขาในกัมพูชา คาดว่าจะชัดเจนภายในสิ้นปีนี้

 

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน  บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ว่า ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จากช่วงครึ่งปีแรก 2564 ที่ภาครัฐออกมาตรการคุมเข้มพื้นที่เสี่ยง การเดินทาง และกำหนดกรอบเวลาเปิด-ปิดร้านสะดวกซื้อเร็วขึ้น เพื่อที่จะควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้จำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านสะดวกซื้อลดลงเฉลี่ยเหลือประมาณ 823 คนต่อสาขาต่อวัน จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 1,100-1,200 คนต่อสาขาต่อวัน ประกอบกับกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมก็ปรับตัวลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่สามารถกลับมาเปิดประเทศได้ตามปกติ

 

ดังนั้นบริษัทต้องปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์และความเหมาะสม โดยนำกลยุทธ์ O2O มาใช้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อาทิ 7-Eleven Delivery, All Online และ 24Shopping เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ รวมถึงสินค้าภายในร้าน 7-Eleven ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าสูงขึ้น ช่วยเพิ่มรายได้จากการขายและสามารถชดเชยผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

“กลยุทธ์ O2O ถือว่าประสบความสำเร็จที่สามารถดันสัดส่วนยอดขายโดยรวมเกิน 10% และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริการ 7-Eleven Delivery ที่ลูกค้าตอบรับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมยังเป็นอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานพร้อมปรุง และเครื่องดื่ม ส่วนกลุ่มสินค้าด้านสุขภาพและผลิตภัณฑ์ ก็เติบโตเพิ่มขึ้นเช่นเดียว และนำสินค้าใหม่เข้ามาเสริมเช่น ผัก ผลไม้สด ก็เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังและทั้งปี 2564 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาครัฐจะคุมสถานการณ์โควิดได้รวดเร็วแค่ไหน จะเปิดประเทศได้เมื่อไหร่ และมีนโนบายหรือมาตรการที่กระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคฟื้นกลับมาได้เร็ว” นายเกรียงชัย กล่าว

 

ขยายลงทุน-สาขา

ทางด้านการเปิดสาขาเพิ่มในประเทศก็ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าของการลงทุนในแต่ละพื้นที่ทำเล โดยเฉพาะพื้นที่ในต่างจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจาดโควิดน้อยกว่าพื้นที่ในกรุงเทพฯ ส่วนสาขาในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นลาวและกัมพูชา ก็ยังอยู่ในแผนที่บริษัทเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยในส่วนของประเทศกัมพูชาคาดว่าจะเปิดสาขาแรกได้ภายในปีนี้

นอกจากนี้การเข้าลงทุนในบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจให้กับบริษัทในอนาคตให้เกิดความมั่งคงและแข็งแกร่งและเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุน

อนึ่งบริษัทได้รายงานธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 ได้เปิดสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 156 สาขา และมีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 12,743 สาขา ขณะที่งบลงทุนปี 2564 ที่11,500-12,000 ล้านบาท เพื่อขยายเปิดร้านสะดวกซื้อประมาณ700 สาขา แบ่งเป็นเปิดสาขาใหม่ ประมาณ 3,800-4,000 ล้านบาท, ปรับปรุงร้านเดิม ประมาณ 2,400-2,500 ล้านบาท ,ลงทุนโครงการใหม่และศูนย์กระจายสินค้า ประมาณ 4,000-4,100 ล้านบาท รวมทั่งระบบสารสนเทศ ประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท

ส่องระยะยาวฟื้น

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง CPALL ว่า ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 1.05 หมื่นล้านบาท (-34% YoY) โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ถูกกดดันจากดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการทำ Rebranding ที่สูงกว่าคาดจากการเข้าซื้อTesco ส่วนครึ่งปีหลัง 2564 ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ที่ยังยืดเยื้อมียอดผู้ติดเชื้อทำ New High ต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลมีการขยายพื้นที่สีแดงและขยาย Curfew ออกไป ทั้งนี้คาดรายได้ในไตรมาส 3/2564 จะยังคงชะลอตัว จาก Traffic ที่ลดลง และ SSSG ที่ติดลบ

อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงจากไตรมาส 2/2564 ที่มี One-Time Item และการทำ Refinancing ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลงราว 130-150 ล้านบาทต่อไตรมาส คงกำไรปี 2565 ที่ 1.71 หมื่นล้านบาท (+62%YoY) คาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในไตรมาส 2/2565 หากรัฐบาลสามารถเร่งฉีดวัคซีน และมีการเปิดประเทศได้ ซึ่งจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้ฟื้นตัว

คงราคาเหมาะสมที่ 67.00 บาท อิง PER ปี2565 ที่ 35x (+1SD 5-Yr Historical avg.) โดยเรามองว่าปี 2564 จะเป็นปีที่ CPALL ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการควบรวมกับ Tesco Lotus และจากการระบาดของโควิดระลอกใหม่ ทั้งนี้ Key Catalyst ของการ Turnaround ในปี 2565 คือการฉีดวัคซีน และการเปิดประเทศ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง