FSMARTพ้นจุดต่ำสุด อัดงบลงทุนพันล้าน
ทันหุ้น - FSMART ชูแผนงานปี 2565 ผลงานเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากธุรกิจการเงิน-ตู้เวนดิ้ง แมชชีน พร้อมอัดฉีดงบลงทุน 1 พันล้านบาท เพิ่มทุนตู้เต่าบิน-ตู้บุญเติม เล็งเปิดตัวแบงกิ้งเอเจนต์ในไตรมาส 4/2564 อีก 1 ราย จากเดิม 8 ราย พร้อมผุดตู้ถอนเงินอีก 100 ตู้ในเดือนธันวาคมนี้
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้แบบตัวเลข สองหลัก หรือไม่น้อยกว่า 10% ต่อเนื่องจากปีนี้ โดยการขับเคลื่อนการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจการให้บริการการเงินครบวงจร และธุรกิจตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (เวนดิ้ง แมชชีน) ทั้งในส่วนขายสินค้าและตู้กดน้ำเต่าบิน ซึ่งคาดว่าในปีหน้าทั้ง 2 ธุรกิจดังกล่าวจะมีอัตราการเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 20-30% ส่วนธุรกิจการเติมเงินหรือตู้บุญเติมนั้น บริษัทพยายามรักษายอดการเติมเงินรายได้และกำไร การรับชำระเงินให้ใกล้เคียงปัจจุบันมากที่สุด
*ปี 65 โต 2 หลัก
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยใช้เพิ่มทุนในธุรกิจตู้เต่าบินคาเฟ่อัตโนมัติ ที่บริษัทถือหุ้นในบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด ที่ทำธุรกิจดังกล่าวอยู่ 19.34% ปัจจุบันมี 300 ตู้ และวางเป้าหมายภายในระยะเวลา 3 ปีจากนี้ (2564-2566) จะมีเพิ่มเป็นมากกว่า 2 หมื่นตู้ รวมถึงใช้เงินในการขยายตู้บุญเติมในรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น ตลอดจนการใช้เงินลงทุนในการขยายมินิ ATM เพิ่มภายใน 2 ปี ให้ครบ 1 หมื่นตู้ หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 5 พันตู้ และการให้บริการวงเงินสินเชื่อ เป็นต้น
ส่วนการจับมือร่วมกับ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ทั้งในส่วนของการดีลการตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อบริหารทำเล เพื่อนำเสนอสินค้าของทั้ง 2 บริษัท เพื่อเสริมจุดแข็งกระจายสินค้า-บริการ ลดต้นทุน และการเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนได้ภายในปี 2565 และดีลในส่วนธุรกิจเวนดิ้ง แมชชีน ตู้ขายน้ำ 4,600 ตู้ ซึ่งบริษัทได้ขายสินทรัพย์ให้กับ SABUY เพื่อหันมารุกตู้เต่าบินคาเฟ่อัตโนมัติแทน เนื่องจากให้อัตราทำกำไรสูงกว่า อีกทั้งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีดีมานด์ที่เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี
**โค้ง 4 พ้นจุดต่ำ
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2564 มองว่ามีทิศทางการฟื้นตัวดีกว่าเมื่อกับไตรมาส 3/2564 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดแล้ว โดยจากการที่สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ฟื้นตัวดีขึ้น ภาครัฐปลดล็อกดาวน์และเริ่มมีการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวแล้ว ทำให้คาดว่าจากนี้จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยมากขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันยอดเติมเงินเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมกันนี้ในช่วงไตรมาส 4/2564 บริษัทจะเปิดตัว ตัวแทนธนาคารอีก 1 รายใหม่ จากเดิมที่บริษัทมีแล้ว 8 ราย อีกทั้งในเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าจะเปิดตัวให้บริการตู้ถอนเงิน (มินิ เอทีเอ็ม) 100 ตู้
"แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 เรามองว่าได้พ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากที่รัฐได้มีการปลดล็อกดาวน์และเปิดเมืองท่องเที่ยว รวมถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มคลายตัวลง ทำให้กำลังซื้อรากหญ้าซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของเราเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้น" นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว