ซีอีโอ "Google" รับตลาด AI น่าเป็นห่วง ย้ำไม่มีบริษัทไหนรอด ถ้าฟองสบู่แตก

ซุนดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอัลฟาเบท (Alphabet) บริษัทแม่ของกูเกิล (Google) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี (BBC) ว่า จะไม่มีบริษัทใดรอดพ้นไปได้ หากกระแสความเฟื่องฟูของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถึงคราวล่มสลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่มูลค่าบริษัทและเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างหนัก จนน่ากังวลว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่

พิชัยระบุว่า แม้คลื่นการลงทุน AI ในปัจจุบันจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยอมรับว่าตลาดมีองค์ประกอบของความไร้เหตุผลอยู่จริง ซึ่งเป็นคำเตือนที่ชวนให้นึกถึงภาวะความคึกคักเกินจริงอย่างไม่มีเหตุผลในยุคฟองสบู่ดอทคอม

ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการถกเถียงในหมู่นักวิเคราะห์ว่ามูลค่าของบริษัท AI ในปัจจุบันนั้นยั่งยืนเพียงใด และเมื่อถูกถามว่ากูเกิลจะรับมืออย่างไรหากฟองสบู่แตก พิชัยแสดงความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะผ่านพายุลูกนี้ไปได้ แต่ก็ย้ำว่า “ผมคิดว่าไม่มีบริษัทไหนรอดพ้นได้หรอกครับ รวมถึงเราด้วย”

ในปีนี้ หุ้นอัลฟาเบททะยานขึ้นเกือบ 50% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่าบริษัทมีความสามารถพอที่จะแข่งขันกับโอเพนเอไอ (OpenAI) ผู้สร้าง ChatGPT ได้

ขณะเดียวกัน ในสหรัฐฯ ความกังวลเรื่องมูลค่าบริษัท AI ที่สูงเกินจริงได้เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดในภาพรวมแล้ว ส่วนผู้กำหนดนโยบายของสหราชอาณาจักร (UK) ก็ออกมาส่งสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงนี้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ย. อัลฟาเบทได้ประกาศคำมั่นว่าจะลงทุน 5 พันล้านปอนด์ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและงานวิจัยด้าน AI ใน UK ซึ่งครอบคลุมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ และการลงทุนในดีปมายด์ (DeepMind) ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการวิจัย AI ในกรุงลอนดอนของอัลฟาเบท

พิชัยยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่า กูเกิลจะเริ่มฝึกฝนโมเดล AI ใน UK ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ หวังว่าจะช่วยผลักดันความทะเยอทะยานของประเทศในการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้าน AI อันดับสามของโลก ต่อจากสหรัฐฯ และจีน แต่ความต้องการพลังงานมหาศาลของ AI อาจทำให้เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) ของอัลฟาเบทต้องล่าช้าออกไป เพราะบริษัทจำเป็นต้องขยายกำลังการประมวลผลคอมพิวเตอร์ให้มากขึ้น