เมื่อพูดถึงโควิด ทุกคนก็หวาดกลัวกัน เราต่างก็มองว่า โควิด คือ วายร้ายที่มาทำลายล้างโลกมนุษย์ แต่การมาของไวรัสชนิดนี้ทำให้เราเห็นอะไรได้บ้าง ผู้เขียนเพิ่งจะแลกเปลี่ยนสถานการณ์กับคนพิเศษต่างชาติเรื่องไวรัส ที่เราต้องรายงานกันทุกวัน คุยกันไปมา ผู้เขียนพูดขึ้นว่า "มนุษย์ คือ ตัวปัญหามากกว่าไวรัสเสียอีก" คนฟังปรบมือชอบใจ มันใช่เขาเห็นด้วย ตั้งแต่ไวรัสมาทำความรู้จักเรา โลกก็เปลี่ยนไปทันที เรามีโรงงานมากมายที่สร้างมาจากฝีมือมนุษย์ เราเดินทางด้วยเครื่องบินมากี่เที่ยวกี่สิบปี พูดง่าย ๆ ว่าเราใช้ประโยชน์จากโลกใบนี้นับไม่ถ้วน แต่เมื่อไวรัสมาเยือนทุกอย่างหยุดชะงักหมด โรงงาน ห้างร้าน หรือแม้เที่ยวบินต่าง ๆ ก็ต้องหยุดชะงักลง หรือบางประเทศก็หยดไปโดยอัตโนมัติ มีโอกาสดูฟ้าของประเทศจีนที่เพื่อนอาศัยอยู่ที่นั่นตอนทุกอย่างหยุดไปเดือนนึง ฟ้าที่มีควันจากโรงงาน กลับสวยงามสะอาดตา จนผู้เขียนถามเขากลับไปว่านี่คือผลงานของไวรัสนะ ตกลงไวรัสร้ายจริงเหรอ เพื่อนผู้เขียนหัวเราะออกมาแล้วบอกว่า มันก็ไม่มีอะไรเลวร้ายไปทุกอย่างหรอก ผู้เขียนเห็นด้วยกับเพื่อน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเหตุผล และมีสิ่งดีดีเสมอ อ่านมาถึงตอนนี้อย่ามองว่าผู้เขียน โลกสวยไม่เดือดร้อนอะไรเชียวน้าาา ผู้เขียนคือคนที่เดือดร้อนหนักเหมือนกัน เงินหายไปในพริบตาหลักหลายแสน ตอนนี้รายได้เท่ากับศูนย์ แต่ผู้เขียนก็ท่องไว้ในใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มันเกิดขึ้นได้ก็จบลงได้ คำพระเขาว่าอะไรนะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เราก็แค่อยู่กับมันให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เอาล่ะมาดูกันว่า ทำไมถึงไวรัสไม่ใช่วายร้าย เรามาดูกันทีละข้อ 1. ไวรัส สอนให้เราเห็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ถ้านึกไม่ออก ลองมองจากข่าวที่คนแห่กันไปซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า ต่อแถวยาวเหยียด ของถูกซื้อจนหมดเกลี้ยง ราวกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรให้เราซื้อแล้ว ทะเลาะกันแย่งกัน ตะโกนด่ากัน บางที่ก็มีเหยียบกันแต่ยังไม่ถึงขั้นล้มตาย บ้านเรามองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เพราะหมดปุ๊บเติมปั๊บ 😄😄 แต่ผู้เขียนเห็นเพื่อนชาวต่างชาติในเฟซบุ๊ค โพสต์ว่าคนแห่กันมาซื้อของแล้วไม่นึกถึงคนอื่นว่า "พวกเธอเนี่ย จะไม่ตายเพราะไวรัสหรอก แต่พวกเธอจะตายเพราะขาดสติ และตื่นตูมเกินกว่าเหตุ หัดนึกถึงคนอื่นเสียบ้าง พวกเธอไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้" อันนี้ผู้เขียนเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เห็นภาพคนอายุมาก ๆ ถือตะกร้าอันว่างเปล่า ยืนอยู่หน้าชั้นวางของที่ไม่เหลืออะไรให้หยิบสักชิ้น ในขณะที่ภาพด้านหลังคือครอบครัววัยกลางคนมีของเหล่านั้นอยู่เต็มตะกร้า มันจะดีแค่ไหนถ้าเราลดความเห็นแกตัวลงสักนิด ใช่ไหมคะ ภาพชั้นวางของที่ว่างเปล่าในซุปเปอร์มาเก็ตในประเทศอังกฤษ Photo by John Cameron on Unsplash ภาพซุปเปอร์มาเก็ตใน USA Photo by Wesley Tingey on Unsplash 2. เรามีเวลาให้กับคนที่เรารักมากขึ้น มีผู้คนมากมายที่ชีวิตมีแต่ตื่นเช้าทำงานกลับมาดึกดื่น แล้วก็หมุนวนแบบนี้เป็นวงกลม เรามีบ้าน มีคนอยู่ในบ้าน แต่เราขาดซึ่งการปฏิสัมพันธ์กัน เราไม่คุยกันเราไม่ได้ใช้เวลาร่วมกัน แม้แต่เรามีโต๊ะทานข้าวแต่เราไม่เคยมีเวลาทานข้าวด้วยกัน เมื่อไวรัสมาเยือนเราถูกสั่งให้อยู่กับบ้าน ทำให้เรามีเวลามากขึ้นกับครอบครัว มีเวลาทำอาหารด้วยกัน ทานอาหารด้วยกัน ปลูกต้นไม้ด้วยกัน หลายครอบครัวไม่เข้าใจกันก็กลับมารักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม จะเรียกว่าเรากลับมาเป็นครอบครัวสุขสันต์กันอีกครั้งก็ได้ เพราะเรามีเวลาดูแลกันและกันมากขึ้น Photo by Pablo Merchán Montes on Unsplash 3. ถึงเวลาพักของธรรมชาติ ร้อยวันพันปีที่ผ่านมามนุษย์มักจะใช้เวลาพักผ่อนโดยการไปสถานที่ต่าง ๆ ท่องเที่่ยวบ้าง ทำกิจกรรมบ้าง แต่เมื่อไวรัสมาเยือนผู้คนไม่สามารถไปพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ สถานที่เที่ยวยอดนิยมถึงว่างเปล่า ไร้ซึ่งผู้คน สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่ดัง ๆ เมื่อไม่มีคนมาเยี่ยมเยือน ก็กลับมาสวยงามยิ่งกว่าเดิม เราได้รับรู้ข่าวสารเกาะที่มีเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่หลายพื้นที่ในภาคใต้ของประเทศไทย หรือเต่าหญ้าทะเลจำนวนมากขึ้นมาวางไข่ในประเทศอินเดีย เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวมากวนใจ หรือภาพจากต่างประเทศที่มีบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายมายึดพื้นที่คืน ธรรมชาติหลายที่กลับมางดงาม ประหนึ่งกำลังบอกว่า เห็นไหมพวกมนุษย์ไม่มีพวกเธอมากวนใจ ทำให้ฉันสวยงามสักเพียงใด Photo by Rahul Chakraborty on Unsplash เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ที่น้ำกลับมาใส่แจ๋วอีกครั้งหลังจากปิดเมืองเพราะไวรัส Photo by MusicFox Fx on Unsplash ภาพเต่าขึ้นมาวางไข่ Photo by Matt Antonioli on Unsplash 4. น้ำใจไม่เคยแห้งหาย อันนี้เห็นได้ชัดในเมืองไทย เราจะเห็นจิตอาสาทำผ้าปิดจมูกแจกบ้าง ทำอาหารแจกบ้าง บริจาคโน่นนี่บ้าง โรงแรมหลายที่พร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นที่พักสำหรับกักกันคนที่มีความเสี่ยง ด้วยเหตุผลว่าอยากจะเป็นส่วนร่วมอยากจะช่วยอะไรก็ได้ที่พอจะช่วยได้บ้าง หรือเราก็เห็นความช่วยเหลือระดับนานาชาติ ที่ส่งของไปช่วยประเทศที่เดือดร้อน เห็นแล้วชื่นใจยิ่งนัก นี่แค่ 4 ข้อ หลัก ๆ ที่เราเห็นได้ชัด หลังจากนี้เมื่อไวรัสผ่านพ้นไปลองนึกดูว่า มนุษย์จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปหรือไม่อย่างไร ตอนนี้ตอบตัวเองได้หรือยังละว่า ไวรัส เป็นวายร้ายหรือไม่ ก็ไม่ได้จะบอกว่าไวรัสมาแล้วดี แต่ก็กำลังจะบอกว่า ในความไม่ดี ในวันร้าย ๆ ก็ยังมีสิ่งดีดีอยู่เสมอเพียงแค่เราเปิดใจมอง อย่างดอกไม้ที่ผู้เขียนปลูกไว้ที่ระเบียงก็ไม่เห็นจะออกดอก วันดีคืนดีไวรัสมาเยือน เราก็ออกไปไหนไม่ได้ ก็มานั่งดูต้นไม้ ก็เห็นบานรับไวรัสซะงั้น :) ภาพถ่ายดอกไม้ในสวนเล็ก ๆ ที่คอนโด ระหว่างช่วงไวรัสโควิด ที่ผู้เขียนถ่ายไว้ ภาพโดย Angel