ภาพหน้าปกจาก: Pixabay / Gerd AltmannKPIs หรือ Key Performance Indicators มีความสำคัญจริงไหม!!! จำเป็นไหมที่จะต้องทำ KPIs!!!สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกๆ ท่าน หากจะพูดคุยกันถึงเรื่องการทำงาน หลายๆ ท่าน คงจะมีปัญหาเรื่อง การประเมินผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง หรือ การประเมินผลงานเพื่อขึ้นเงินเดือน ในแต่ละปี ว่า หัวหน้างาน หรือ องค์กร มีกฎเกณฑ์ในการประเมินผลอย่างไร มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เกณฑ์ในการประเมินนั้น มีความยุติธรรมหรือไม่หลายๆ ท่านคงเคยเจอปัญหาที่ว่า ทำงานขยันมากๆ ทำงานหนักมากๆ แต่ทำไมประเมินผลงานออกมานั้น ไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้ หลายๆ ท่านจะได้ผลการประเมินที่ต่ำกว่าคิดไว้ภาพจาก: Pixabay / mohamed Hassanเพราะเหตุนี้เอง หลายๆ องค์กรจึงได้มีการจัดทำ “KPIs” หรือ “Key Performance Indicators” ขึ้นมา เพื่อ เป็นการวัดผลประสิทธิภาพขององค์กร และ ยังเป็นการวัดผลประสิทธิภาพของพนักงานอีกด้วยจากประสบการณ์ส่วนตัวผมเอง ที่เคยผ่านมานั้น มีหลายๆ คน เคยมาบ่นให้ผมฟังมากมายว่า“KPIs นี้ ไม่รู้จะทำไปทำไหม เสียเวลาเปล่าๆ ไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย งานที่ทำประจำก็เยอะอยู่แล้ว ยังจะมาให้ทำ KPIs อีก”แล้วเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ เพื่อนๆ คิดว่า การทำ “KPIs” นั้นมีประโยชน์หรือเปล่าครับ การทำ “KPIs” ขึ้นมานั้น เป็นการทำที่เสียเวลาทิ้งหรือไม่ครับโดยความคิดเห็นส่วนตัวของผมเองนะครับ ผมคิดว่าการทำ “KPIs” ขึ้นมาในองค์กรนั้น มีประโยชน์มากๆ ทั้งกับ องค์กร และ ตัวพนักงานเอง ด้วยครับก่อนอื่นๆ ผมต้องขออนุญาตอธิบายความหมายของ “KPIs” ให้ทุกๆ ท่าน ได้รับทราบและเข้าใจกันก่อนนะครับ“K” ย่อมาจาก “Key” ที่แปลว่า สำคัญ สิ่งที่สำคัญ หรือ สิ่งที่เราต้องสนใจทำก่อนสิ่งอื่นๆ“P” ย่อมาจาก “Performance” ที่แปลว่า ประสิทธิภาพ ความสามารถ หรือ ความสำเร็จ“Is” ย่อมาจาก “Indicators” ที่แปลว่า ตัวชี้วัด ดรรชนีตัวชี้วัด หรือ ตัวที่ใช้วัดหรือบ่งบอกถึงประสิทธิภาพพอนำทั้งหมดมารวมกันแล้ว ก็จะได้เป็น “KPIs” หรือ Key Performance Indicators คือ ตัวชี้วัดผลงาน หรือ ดรรชนีตัวชี้วัดประสิทธิภาพขององค์กร และตัวพนักงานในองค์กร นั้นเองครับผมและหากจะถามว่า “KPIs” นั้น มีข้อดีอย่างไรบ้าง คำตอบก็คือ สามารถวัดประสิทธิภาพของพนักงาน และ องค์กร นั้นๆ ได้ว่า อยู่ในระดับไหน สามารถทำงานมีประสิทธิภาพหรือไม่ มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนภาพจาก: Pixabay / Tumisuยกตัวอย่างเช่น สมัยก่อนที่ยังไม่ได้กำหนด “KPIs” ขึ้นมานั้น พนักงานแต่ละคนก็จะทำงานตามหน้างานไปวันๆ หรือ บางคนขยันมากๆ ก็ทำงานหนักมากๆ บ้างคนก็ไม่ทำงาน พอถึงปลายปีที่ องค์กร จะทำการสรุป การทำงานทั้งหมด ของทั้งองค์กร และ พนักงาน ก็เป็นการยากมากๆ ที่จะประเมินผลงาน ส่วนใหญ่ก็จะทำการประเมินโดยใช้ความรู้สึก กับ การที่หัวหน้างานมองเห็นเท่านั้น ไม่ได้มีหลักฐานอะไรที่ชัดเจนแต่หลังจากที่กำหนด “KPIs” ขึ้นมาแล้วนั้น ก็จะทำให้ทั้งองค์กร และพนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการสรุปเป้าหมายการทำงานเป็นแบบ รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน แบบไตรมาส และ แบบรายปี ที่ชัดเจน มีหลักฐานในการทำงานที่ชัดเจน มีผลงานที่ชัดเจน ทำให้มีความถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น ในการประเมินผลงาน ลดปัญหาความลำเอียงลงได้ ในองค์กร“KPIs” ที่ดีนั้น ควรจะสอดคล้องกับนโยบายขององค์กร และสามารถทำได้จริง ไม่ยากเกินไป และไม่ง่ายจนเกินไป มีตัวชี้วัดที่สามารถวัดผลได้ชัดเจน และควรที่จะมีการประเมินผล เป็นระยะ ในเวลาที่เหมาะสม “KPIs” ส่วนใหญ่ก็จะกำหนด หัวข้อหลักๆ คือ Quality, Cost, Delivery, Management และ Safety เป็นต้น ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กรด้วย และตำแหน่งหน้าที่ของพนักงานแต่ละคน ด้วยเช่นกันภาพจาก: Pixabay / Gerd Altmannเป็นยังไงบ้างครับเพื่อนๆ ทุกๆ ท่าน พอที่จะมองเห็นประโยชน์ของ “KPIs” กันมากขึ้นไหมครับ หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับหลายๆ คนนะครับ ถ้าหากใครที่มีคำถามก็สามารถสอบถามหรือมาพูดคุยประสบการณ์กันได้เลยนะครับผม ขอบคุณมากๆ ครับผมภาพหน้าปกจาก: Pixabay / Gerd Altmannภาพจาก: Pixabay / mohamed Hassanภาพจาก: Pixabay / Tumisuภาพจาก: Pixabay / Gerd Altmannชอบอ่านบทความสาระความรู้ธุรกิจ ดูหนัง ฟังเพลง และเสพซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !