รีเซต

งบ 2564 : ประยุทธ์โต้ข้อหา “ฉลาดน้อย” และ “ไม่เคยสั่งโง่ ๆ”

งบ 2564 : ประยุทธ์โต้ข้อหา “ฉลาดน้อย” และ “ไม่เคยสั่งโง่ ๆ”
บีบีซี ไทย
3 กรกฎาคม 2563 ( 18:43 )
241
งบ 2564 : ประยุทธ์โต้ข้อหา “ฉลาดน้อย” และ “ไม่เคยสั่งโง่ ๆ”

ในวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 วงเงิน 3,300,000 ล้านบาท บรรยากาศไม่คึกคักนัก ข้อมูลที่ฝ่ายค้านอภิปรายส่วนใหญ่ยังวนเวียนอยู่กับปัญหาการจัดงบไม่สอดคล้องกับวิกฤตหลังโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงกลางสภาเป็นครั้งแรกของวันนี้ (3 ก.ค.) เพื่อตอบโต้คำอภิปรายของ ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยระบุว่าในการทำงานต้องมีการคิดตลอด

"ผมไม่ได้คิดคนเดียว ไม่เคยอนุมัติให้ใครเป็นกรณีพิเศษ ในการเสนอแผนงานผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองทุกระดับ มีคณะกรรมการทุกคณะ ผมไม่เคยลงไปสั่ง ไม่เคยเรียกผลประโยชน์กับใคร ผมยืนยันได้ตรงนี้" และ "ผมไม่เก่งเท่าท่าน แต่ผมจริงใจ และจะพูดในสิ่งทำได้ เป็นวิสัยทัศน์ที่อาจจะถูกไม่ถูก แต่ต้องหาวิธีการทำ ถ้าไม่ได้ก็ปรับได้ ต้องมีมาตรการดำเนินการที่ถูกต้อง ไม่ใช่นายกฯ สั่งแบบ... ขออนุญาตใช้คำ 'โง่ ๆ' ออกไป แล้วคนที่เหลือต้องทำโง่ ๆ ตาม ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ยินดีปรับแก้และทำตามข้อเสนอ"

การชี้แจงของนายกฯ เกิดขึ้นหลังการอภิปรายของนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสร็จสิ้นลง โดย ส.ส.รายนี้ได้พูดถึงงบก่อสร้างถนนในภาคใต้และสนามบินตรัง ซึ่งไม่ควรเป็นไปในลักษณะ "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" แต่ต้องเข้าใจระบบงบประมาณที่ดี พร้อมตั้งคำถามว่าผู้นำรัฐบาลมีความรู้ความเข้าใจในแผนบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์มากน้อยแค่ไหน และได้พิจารณาเหตุผลและความคุ้มค่าของโครงการด้วยหรือไม่ หรือใช้ความอยากอย่างเดียว

"การที่บอกว่าอยากให้เกิดเมืองใหม่ ผมเห็นด้วย แต่ที่ตั้งงบมามันไม่ใช่ อยากจะสร้างแต่ถนน จะกินหัวคิวกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ท่านบอกว่าถ้ารักประชาชนจริงต้องร่วมมือกับยุทธศาสตร์นี้ ผมรักประชาชนจริง แต่ก็เสียดายภาษีที่ท่านผลาญไป ดังนั้นท่านต้องเข้าใจเสียก่อน" นายสุรเชษฐ์กล่าว

คำอภิปรายของ ส.ส. รายนี้ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกว่า "เป็นการพูดจาดูถูก เสียดสีสติปัญญา เหยียดหยาม" แต่เขาก็ยังฉีกยิ้มกลางสภา และยืนยันว่าไม่ได้โมโหใครเลย ยิ้มตลอดเวลา

"ผมไม่ใช่คนฉลาดน้อยที่จะทำอะไรผิดพลาดอย่างที่ถูกกล่าวหา จึงขอให้อย่าดูถูกสติปัญญากันมากนัก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ครม. ต้อง "ควักเวลา" พรรคร่วมให้ รบ. แจง

คณะรัฐมนตรี (ครม.) จำเป็นต้อง "ควักเวลา" ของพรรคร่วมรัฐบาลมาใช้ในการชี้แจงข้อสังเกตของบรรดา ส.ส. หลังฝ่ายบริหารใช้เวลา 6 ชม. ตามที่ได้รับการจัดสรรจากคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) หมดลงตั้งแต่เมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.)

"ขอให้วิปรัฐบาลไปเจรจาจัดสรรเวลาของตัวเองใหม่ เพราะถ้าเวลาสำรองหมดลง ต่อให้นายกฯ อยากชี้แจง ประธานก็ไม่สามารถอนุญาตได้" นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธาน แจ้งต่อที่ประชุมเมื่อกลางดึก

ต่อมาเวลา 11.30 น. ของวันที่ 3 ก.ค. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่าได้เตรียมเวลาสำรอง 1 ชม. ไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงและสรุปในช่วงเย็น ส่วน ครม. เหลือเวลาเพียง 21 นาทีเท่านั้น

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียงกุล เลขานุการประธานสภา ยอมรับว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรก ๆ ในประวัติศาสตร์สภาที่ ครม. ใช้เวลาหมดก่อนการอภิปรายจะเสร็จสิ้นลง โดยคาดหมายว่าจะปิดอภิปรายได้ในช่วง 23.00 น.

ในการลงมติวาระ 1 ขั้นรับหลักการ ต้องอาศัยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา หรือ 244 จากสมาชิกทั้งหมด 487 คน จากนั้นจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 จำนวน 72 คน โดยให้เวลาสมาชิกแปรญัตติภายใน 30 วัน ก่อนนำร่างกลับมาเสนอต่อสภาให้พิจารณาในวาระ 2 และ 3 โดยกระบวนการทั้งหมดต้องเสร็จสิ้นภายใน 105 วันนับจากสภาได้รับร่างจากรัฐบาล หรือภายใน 28 ก.ย. นั่นเอง

"ระเบิดเวลา" และ "คนไทยไม่รอด"

สำหรับการอภิปรายงบประมาณ 2564 ในวันสุดท้าย บรรดา ส.ส. ยังพุ่งเป้าวิจารณ์การจัดงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของรัฐบาลก็มีแนวโน้มผิดพลาด สุ่มเสี่ยงต่อการพาประเทศไปสู่ "หายนะทางการคลังในระยะยาว" หากการจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยได้ย้อนผลงานการเก็บภาษีพลาดเป้าถึง 5 ปีงบประมาณ (2557-2561) ขึ้นมาตอกย้ำความไม่แม่นยำในการพยากรณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจ

น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายเปรียบเปรยพฤติกรรมของรัฐบาลเหมือน "คนได้มรดกตกทอดมา" ทำให้มีทรัพย์สิน มีฐานะทางการเงินดี จึงเคยตัวกับการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมาตลอด 6 ปี พอวันนี้เจอวิกฤตเศรษฐกิจ ตัวเองแทบจะล้มละลายอยู่แล้ว แต่กลับไม่ยอมปรับตัว ยังใช้จ่ายเหมือนเดิม ไม่ยอมตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป

ส.ส.หญิงกล่าวต่อไปว่า การมีนายกฯ คนเก่า คิดแบบเก่า จัดทำงบประมาณแบบเก่า อาจได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนเก่า เพราะประเทศกำลังเผชิญกับสึนามิทางเศรษฐกิจชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "ถ้ารัฐบาลใช้เงินไม่เป็น เงินจำนวนมหาศาลนี้ก็จะสร้างภาระหนี้ให้กับประชาชนเพิ่ม ซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข เป็นเหมือนระเบิดเวลา และอาจพาประเทศไปสู่การล้มละลายทางการคลังได้"

ขณะที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) ประกาศไม่ขอตั้งฉายาให้กับร่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้ แต่ก็วิจารณ์ว่ารัฐบาลตั้งงบที่ไม่ถูกกาลเทศะ ประชาชนกำลังอดอยากปากแห้ง ไม่มีจะกิน แต่กลับมีการตั้งงบซื้ออาวุธ ซื้อเรือดำน้ำ ตามที่เพื่อนสมาชิกอภิปรายไปแล้ว

นายมิ่งขวัญกล่าวด้วยว่า ในระยะเวลาไม่ถึง 7 เดือน รัฐบาลเอาเงินประชาชนไปใช้แล้ว 8,400,000 ล้านบาท ตั้งแต่ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 วงเงิน 3,200,000 ล้านบาท, พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การเงิน 3 ฉบับ วงเงินรวม 1,900,000 ล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 วงเงิน 3,300,000 ล้านบาท ขณะที่การจัดเก็บรายได้ที่รัฐบาลประเมินไว้ที่ 2,677,000 ล้านบาท ไม่มีทางเป็นไปเพราะรายได้หลักของประเทศมาจากการท่องเที่ยว ทว่าขณะนี้สายการบินปิด โรงแรมปิด รถทัวร์ปิด ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเจ๊ง ถึงขนาดที่เจ้ากิจการรถทัวร์นำเที่ยวต้องออกมาประกาศแจกรถฟรี ให้คนมารับไปผ่อนต่อ

"ผมว่าคนไทยไม่รอดหรอกครับ เตรียมตัวกันให้ดีนะ ตอนวิกฤตปี 2540 เป็นเรื่องเล็กไปเลย รัฐบาลอยู่มาในรูปแบบจาก คสช. ถึงปัจจุบัน ท่านใช้เวลา 6 ปีกว่า ฉะนั้นวันนี้จะเป็นบทพิสูจน์สติปัญญาของรัฐบาลว่าคิดอะไรอยู่" ส.ส.ศม. กล่าว

นายมิ่งขวัญ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโตโยต้า ยังบอกด้วยว่าในอุตสาหกรรมกรรมยานยนต์ ถ้าใครทำงานไม่ได้ก็ต้องปลด หรือเรียกว่า "ย้ายมันไปแบกแหนบ ในเมื่อใช้สมองไม่ได้ ก็ต้องไปใช้แรงงาน" และได้กล่าวอวยพรรัฐบาล "ขอให้โชคดี" ส่งท้ายการอภิปราย

พล.อ.อนุพงษ์ลั่น "ถ้าใครทำผิดก็ต้องโดนกฎหมาย มีคุกรออยู่"

ส่วนนายวิสาร เตะชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พท. ให้ความสนใจกับการจัดงบของกระทรวงมหาดไทย วงเงิน 328,013 ล้านบาท ซึ่งเป็นกระทรวงอันดับ 2 ที่ได้รับการจัดงบสูงสุดรองจากกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากเห็นว่าหลายรายการไม่จำเป็นกับภาวะปัจจุบัน พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ใช้ความกล้าหาญในการตัดงบบางรายการ "ถ้าเทียบประเทศไทยเป็นคนป่วยก็อาการโคม่า ถ้าเป็นมะเร็งก็ระยะที่ 4 แล้ว ถามว่าในภาวะเช่นนี้ การตั้งงบเหล่านี้ยังมีความจำเป็นหรือ"

หนึ่งในโครงการที่นายวิสารหยิบยกขึ้นมาอภิปรายคือ โครงการจัดซื้ออากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จำนวน 6 ลำ ซึ่งเป็นการขอก่องบผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2562-2565 จึงอยากถามว่า ปภ. เป็นกองทัพหรือ จำเป็นต้องมีฝูงบินหรือ ถึงขณะนี้ ปภ. จัดซื้อไปแล้ว 2 ลำ มูลค่า 1,800 ล้านบาท ทว่าเมื่อตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัทอื่น พบว่าจัดซื้อได้ในราคาถูกกว่านี้ และมีข่าวว่ามีคำสั่งจาก "ผู้มีอิทธิพลในส่วนกลาง" ให้ดำเนินการ และถ้าไปดูชื่อบริษัทที่ได้งานก็คือบริษัท ดาต้าเกต จำกัด ซึ่งเคยเป็นคู่สัญญากับกองทัพบกสมัยที่ พล.อ.อนุพงษ์เป็น ผบ.ทบ. จึงขอให้ยุติการจัดซื้อในอีก 4 ลำที่เหลือ

เกือบทันทีทันใด รมว.มหาดไทยลุกขึ้นชี้แจงว่าเหตุที่ต้องจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ ไม่ใช่เพราะ ปภ. จะตั้งฝูงบิน แต่ภารกิจป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ของพลเรือน ซึ่งทำได้ทั้งการขนน้ำไปเทดับไฟ และยังมีเครื่องฉีดน้ำเข้าไปดับเพลิงในตึก แต่ที่ผ่านมา ปภ. ไม่เคยมีเป็นของตัวเอง ต้องขอยืมเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพ ส่วนเฮลิคอปเตอร์ที่จัดซื้อมาแล้ว 2 ลำ เมื่อปีก่อนได้นำไปใช้ดับไฟป่าภาคเหนือ ส่วนอีกลำไปซ่อมบำรุงตามวงรอบ พอเกิดเหตุไฟไหม้ภูกระดึง จ.เลย ในช่วงเวลาเดียวกัน เราจึงต้องสูญเสียผืนป่าไป เพราะย้ายไปไม่ทัน ทั้งนี้ในการจัดซื้อ 6 ลำ ประเมินกันว่าจะใช้งานได้จริงเพียง 4 ลำเท่านั้น ส่วนอีก 2 ลำต้องสลับไปซ่อมบำรุงตามวงรอบ ส่วนบริษัทใดจะชนะการประมูลนั้น เป็นเรื่องของ ปภ.พิจารณา

"การจัดซื้อจะมีความโปร่งใสหรือไม่นั้น ผมยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ส.ส. หรือท้องถิ่น ถ้าใครทำผิดก็ต้องโดนกฎหมาย มีคุกรออยู่ จึงควรทำให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการนี้ ไม่ใช่ไปพูดให้ประชาชนรู้สิ้นหวังว่ามีแต่คนโกงทำอะไรก็ได้ ทั้งที่มีศาลอยู่ ที่ผ่านมาเห็นแล้วว่ามีผู้ใหญ่นายโตทั้งหลายมีคดีทั้งนั้น หนีกันก็เยอะ คงไม่ต้องพูดอะไร... บริษัทนี้ได้มาเพราะมีกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

ฝ่ายค้านถาม รมต. ตอบ

งบที่ฝ่ายค้านติดใจ

คำอธิบายของรัฐมนตรี

โครงการก่อสร้างศาลากลาง ศูนย์ราชการ ที่ว่าการอำเภอ

ต้องดูว่าอะไรมีความจำเป็น คงไม่ได้หยุดโลกนี้แล้วทุ่มไปโควิดหมด.. ในส่วนของโควิดก็มีการใช้เงินกู้และปรับงบไปแล้วหลายกรณี

โครงการจัดหารถฉีดอากาศ

มีความจำเป็นในภารกิจกู้ภัย หากเกิดเหตุเหมืองหรืออาคารถล่ม ก็ต้องอัดอากาศเข้าไป แต่ที่ผ่านมาไทยยังไม่เคยมีรถนี้

โครงการจัดซื้อรถปิ๊กอัพให้กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ซึ่ง "อส. ไม่ได้นั่ง มีแต่นายนั่ง นายนั่งไม่เท่าไร มีคุณนายนั่งด้วย"

"ถ้ามีคุณนายไปนั่ง ก็ถือว่าทำผิด เราก็จะได้เอาออก ก็พ้นไป ดีครับ เอาคนอื่นเข้ามาแทน"

โครงการสะพานโครงเหล็กแบบถอดประกอบได้ (สะพานแบลีย์)

"ผมถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง จำเป็นมาก ๆ เราต้องสถาปนาการสัญจรของประชาชนให้ได้เร็วที่สุด" หากถนนและสะพานถูกตัดขาด

ที่มา : บีบีซีไทยสรุปจากคำอภิปรายของ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และคำชี้แจงของ รมว.มหาดไทย เมื่อ 3 ก.ค. 2563

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง