กี่โบราณร้อยปี ของดีบ้านหนองบัวน้อย ขอนแก่น เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องของการผลิตผ้าไหมที่สวยงามมากมาย จนกลายเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเมืองแห่งผ้าไหมมัดหมี่โลก แต่ถ้าจะพูดถึงในเรื่องของ " กี่ " หรือ " หูก " สิ่งประดิษฐ์เครื่องทอที่ทำจากไม้ ไว้ใช้ทอเส้นไหมให้กลายเป็นพื้นผ้าไหมที่งดงาม หากย้อนกลับไปสัก 15 ปี เราชาวอีสานอาจจะคุ้นเคยกับภาพของกี่ไม้ทอผ้าทรงสีเหลี่ยม ที่ตั้งอยู่หน้าบ้านเกือบจะทุกหลัง มียายแก่แม่เฒ่าหรือหญิงสาวนั่งทอผ้าอยู่หน้าบ้าน เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของชาวอีสาน ที่ต้องทอผ้าใช้เอง และคำสอนของบรรพบุรุษที่ว่า " เป็นหญิงต้องทอผ้าเป็นก่อนค่อยได้ออกเรือน " แต่ด้วยปัจจุบันสิ่งต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปตามความเป็นอยู่แนวคิดการใช้ชีวิต ทำให้ปัจจุบันมีคนทอผ้าน้อยลง ทำให้กี่ทอผ้าเลือนหายไปทีละนิด เหลือแต่บ้านที่ยังคงอนุรักษ์การทอผ้าไว้ ที่ชุมชนบ้านหนองบัวน้อย ตำบลโสกนกเต็น อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เป็นหมู่บ้านที่มี " กี่ทอผ้าโบราณ " ที่ทำจากไม้จิก มีอายุการใช้งานกว่า 130 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2431 โดยพ่อทุย ลุนสำโรง เป็นผู้ถือครอง " กี่ร้อยปี " คนแรก พ่อประสิทธ์ ลุนสำโรง ทายาทรุ่นที่ 2 จนมาถึง แม่สมจิตร ลุนสำโรง ทายาทบ้านกี่ร้อยปีรุ่นที่ 3 กี่ร้อยปีนี้ถูกส่งต่อให้ทายาทรุ่นสู่รุ่น เพื่อสืบทอดการทอผ้าจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แม่สมจิตร ลุนสำโรง เล่าว่า " กี่ตัวนี้ทำจากไม้จิกทั้งต้นที่มีความแข็งแรงทนทาน สร้างขึ้นจากภูมิปัญญาของคนโบราณ โดยการใช้มีดใช้ขวานบากแล้วใช้ลิ่มไม้ขัดไว้ให้เชื่อมติดกัน เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีตะปูหรือเครื่องมือก่อสร้าง อีกทั้งยังเป็นของเก่าของโบราณที่พ่อแม่ทำมากับมือ จึงอยากอนุรักษ์สมบัติของพ่อแม่ไว้ และในปัจจุบันนั้นคนทอผ้าเริ่มน้อยลงกี่ทอผ้าแบบเดิม ๆ เริ่มเลือนหายไปทีละนิดจึงอยากอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานและคนรุ่นใหม่ได้เห็น อีกทั้งปัจจุบันชุมชนบ้านหนองบัวน้อยได้เข้าเป็นหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี ทางหมู่บ้านจึงได้หยิบยกเอากี่โบราณขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ และเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน เนื่องจากบ้านหนองบัวน้อยเป็นหมู่บ้านที่ทอผ้ามาไหมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ "ปัจจุบัน กี่ร้อยปี ยังถูกใช้ทอผ้าเป็นปกติทุกปี ซึ่งแม่สมจิตรนั้น จะทอแค่ปีละหูกเท่านั้นหรือแค่ปีละ 5 ผืน ตามความต้องการว่าปีนี้จะทออะไร? ซิ่นไหม หรือ ผ้าข้าวม้า? ด้วยอายุที่เยอะขึ้นทำให้ไม่สามารถทอผ้าได้เยอะเหมือนเคย เมื่อหมดช่วงการทอผ้าก็จะถอนฟืมเก็บไว้ เหลือเพียงแค่ตัวกี่ตั้งโชว์ไว้ใต้ถุนบ้าน ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาแวะชม แม่สมจิตร ยังบอกกับเราอีกว่า กี่โบราณตัวนี้ ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในการ " ทอผ้าไหมลายฮีต 12 " และ " ลายแคนแก่นคูณ " ที่เป็นลายผ้าไหมประจำจังหวัดขอนแก่นเข้าประกวดอีกด้วย แม่สมจิตร เล่าต่ออีกว่า ครอบครัวนี้ต้องทอผ้าเป็นทุกคน ไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต้องหัดทอผ้าตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อทอเป็นแล้วต้องถ่ายทอดเป็นด้วย เพื่อสืบทอดต่อไป พร้อมย้ำอีกครั้งว่า ยังคงอนุรักษ์กี่นี้ไว้จนกว่ารุ่นลูกหลานเขาจะเลิกทำ แล้วค่อยเก็บเอาไว้เป็นเหมือนสมบัติที่มีค่าประจำตระกูลด้านนางทองอินทร์ ประอันทัง ลูกสาวแม่สมจิตร กล่าวว่า จะเป็นผู้สืบทอดกี่ทอผ้าร้อยปีนี้ไว้ต่อจากแม่ และจะยังอนุรักษ์รักษาต่อไปเรื่อย ๆ ส่งต่อจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก ตอนนี้กำลังหัดรุ่นลูกหลานเล็ก ๆ ให้สืบทอดการทอผ้า พอมีนักท่องเที่ยวมาชมก็ให้เขานั้นได้ไปทอโชว์กี่ร้อยปี บ้านหนองบัวน้อย จังหวัดขอนแก่น เป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่ส่งต่อให้ลูกหลานจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นเหมือนสิ่งมีค่าเป็นเอกลักษณ์ประจำหมู่บ้าน ที่สื่อให้เห็นถึงการทอผ้าไหมของคนในหมู่บ้าน และยังเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจของนักท่องเที่ยวที่ได้ไปเที่ยวชมหมู่บ้านผ้าไหมนวัตวิถี สำหรับใครที่สนใจสามารถไปเยี่ยมชมกี่ร้อยปีและแวะซื้อผ้าไหมสวย ๆ ได้ที่บ้านหนองบัวน้อย อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น หรือติดต่อเพิ่มเติมโทร.064-7093657 ( สวรรยา ลาแพงศรี ) ตัวแทนกลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองบัว เรื่องและภาพทั้งหมดโดย : thanataporn umket