น้ำท่วมลพบุรี ยังวิกฤต! บางจุดสูงกว่า 2-3 เมตร ต้องใช้เรืออย่างเดียว
ข่าววันนี้ ( 3 ต.ค.64) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ยังถือว่ายังคงอยู่ในขั้นวิกฤต หลังระดับน้ำยังคงท่วมสูงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหมี่ ในตำบลหนองเมือง ตำบลหนองทรายขาว ตำบลพุคา ตำบลบ้านกล้วย ตำบลบ้านทราย ซึ่งมีระดับน้ำที่ท่วมสูงกว่า 2-3 เมตร การเข้าออกหมู่บ้านต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว ขณะที่ตำบลพุคาระดับน้ำที่ท่วมสูงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องขนย้ายผู้ป่วยติดเตียงออกมาอยู่ด้านนอกหลังน้ำท่วมบ้านจนมาสามารถอยู่ได้ และลำบากในการเข้าออกในการดูแลรักษา
โดยในพื้นที่อำเภอเมือง น้ำที่ท่วมหนักสุดจะอยู่ในพื้นที่ตำบลเขาพระงามที่ถูกน้ำท่วมหนักที่สุดในครั้งนี้ โดยหลายหมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร ชาวบ้านต้องออกมาพักอาศัยอยู่ริมถนน ขณะที่ถนนสายโคกกระเทียมเมืองลพบุรีถูกน้ำท่วมสูงจนต้องปิดการจราจร และที่ถนนสายลพบุรี โคกสำโรงก็ถูกน้ำท่วมสูงจนรถเล็กไม่สามารถผ่านได้
ส่วนที่สำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรีขณะนี้ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร เนื่องจากน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสักล้นตลิ่งเข้าท่วม ทางสำนักงานชลประทานที่ 10 ต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อสูบน้ำออกจากสำนักงานเพื่อไม่ให้น้ำท่วมสูงไปมากกว่านี้
นายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรีเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานชลประทานที่ 10 ทำการสูบน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังทั้งบ้านหมี่ และอำเภอเมืองลพบุรี เพื่อตัดจำนวนน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดลพบุรี ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานชลประทานเองต้องเฝ้าติดตากระดับน้ำอยู่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีฝนตกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีและเหนือเขื่อนป่าสักเพิ่มมากขึ้น
สำหรับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จังหวัดลพบุรีจนถึงขณะนี้มรระดับน้ำเก็บกักอยู่ในเขื่อนเกินกว่าการเก็บกักแล้วทำให้การระบายน้ำออกจากเขื่อนยังต้องระบายอยู่ในระดับ 1200 ลูกบาศ์กเมตรต่อไป จนกว่าระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนจะกลับมาสู่ระดับเก็บกักปกติ โดยจะมีการระบายน้ำระดับนี้ไปอีกอย่างต่อเนื่อง
โคราช น้ำลด! ชาวโนนไทย กลับเข้าบ้าน พบเสียหายอื้อ รับตั้งตัวไม่ทัน
3 ต.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ล่าสุดวันนี้ระดับน้ำลดลงเกือบทั้งหมดแล้ว คงเหลือเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ ชาวบ้านหลายรายจึงเริ่มกลับเข้าไปที่พัก เพื่อสำรวจความเสียหายและเร่งทำความสะอาด ฟื้นฟูซ่อมแซม ให้สามารถเข้าอยู่อาศัยได้
จากการลงพื้นที่บ้านคูเมืองใหม่ ม.18 ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับลำห้วยลำเชียงไกร ที่มวลน้ำจำนวนมหาศาลถูกระบายออกจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้านโดยรอบ ซึ่ง นางละเอียด ดุมขุนทด หนึ่งในชาวบ้านบ้านคูเมืองใหม่ ม.18 ต.บัลลังก์ ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้น จากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว พัดเอาอาคารโรงจอดรถ พังลงมาทับรถไถนาเดินตามที่จอดอยู่ภายใน
นอกจากนี้ ความแรงของกระแสน้ำ ยังพัดพื้นไม้กระดานจนโก่งคดผิดรูป ผนังบ้านทนรับแรงดันน้ำไม่ไหว แตกร้าวออกเป็นแถบ ๆ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ยังมีชาวบ้านอีกหลายสิบครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ทั้งรถไถนา เครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตร รถยนต์ รถจักรยานยนต์ จมน้ำได้รับความเสียหาย ไม่รู้จะถามหาความรับผิดชอบได้จากใคร
เพราะชาวบ้านหลายคนไม่คาดคิดว่า อ่างเก็บน้ำ จะปล่อยน้ำมามากถึงเพียงนี้ ซึ่งไม่เพียงแค่บ้านเรือนและสิ่งของที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น สภาพจิตใจของชาวบ้านที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินและสภาพความเป็นอยู่ตามเดิม ก็ต้องได้รับการเยียวยาเช่นกัน
ปภ.มหาสารคาม เตือน 3 อำเภอ 13 ตำบล
ร.ต.อ.ตนุพล พันธ์สวัสดิ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า แนวโน้มสถานการณ์ในแม่น้ำชีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้องรับมวลน้ำเหนือจากจังหวัดชัยภูมิและ จ.ขอนแก่น ล่าสุด เขื่อนมหาสารคาม อำเภอโกสุมพิสัย ระดับน้ำปัจจุบันอยู่ที่ 147.58 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สูงกว่าระดับเก็บกัก 78 เซนติเมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 580 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 5 เซนติเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้คาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำชีจะเพิ่มขึ้น 1.50 เมตรในอีก 1-2 วัน โดยมีพื้นที่เสี่ยงที่น้ำในแม่น้ำชีจะล้นตลิ่งเข้าท่วมในเขตพื้นที่อำเภอโกสุมพิสัย 6 ตำบล ได้แก่ ต.โพนงาม เขวาไร่ หัวขวาง หนองบอน ยางท่าแจ้ง และตำบลเลิงใต้ อำเภอ กันทรวิชัย 3 ตำบล ได้แก่ ต.เขวาใหญ่ ต.ท่าขอนยาง และตำบลมะค่า และอำเภอเมืองมหาสารคาม 4 ตำบล ได้แก่ ต.ท่าสองคอน ต.เกิ้ง ต.ลาดพัฒนา และตำบลท่าตูม จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำชีให้เฝ้าระวังเตรียมขนย้ายทรัพย์สินขึ้นเก็บไว้ในที่สูง เพื่อป้องกันทรัพย์สินเสียหาย และขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ข้อมูล : ผู้สื่อข่าวจังหวัดลพบุรี, มติชน
ภาพ : ผู้สื่อข่าวจังหวัดลพบุรี, มติชน