เคยรู้สึกบ้างมั้ยครับว่าเวลาที่เรายังทำงานอยู่ ยังได้รับเงินเดือนอยู่ มันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าถึงวันที่เราตกงานอย่างไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา แล้วยังไม่มีแผนรองรับอีก เราจะทำอย่างไร ? หรือช่วงระหว่างการทำงานอยู่ แล้วกลับมีปัญหาระหว่างเพื่อนร่วมงานรวมไปถึงหัวหน้าด้วย แบบนี้คงจะหาความเจริญในหน้าที่การงานได้ยาก หากเราไม่ได้รับการต่อสัญญาจ้างในปีหน้า...แล้วเราจะทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่หนังสือเล่มนี้อยากย้ำเตือนก่อนจะลาออกหรือกำลังตกงานอย่างไม่ทันตั้งตัวให้วางแผนเอาไว้ก่อน หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Robert T. Kiyosaki เรียบเรียงโดย อมรเทพ ผันสิน และบรรณาธิการโดย จักรพงษ์ เมษพันธุ์ โรเบิร์ตเคยทำงานประจำมาก่อนแล้วค่อยก้าวขึ้นมาสู่การเป็นผู้ประกอบการ เริ่มต้นจากเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์กระเป๋าสตางค์ไนลอนสำหรับนักโต้คลื่น กระเป๋าสตางค์ติดที่รองเท้าสำหรับนักวิ่ง สินค้าที่ระลึกของวงดนตรีร็อก แม้จะประสบความสำเร็จ ร่ำรวยแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวก็การมาเยือนของคู่แข่งหลายรายจากแรงงานราคาถูกในประเทศแถบเอเชีย อีกทั้งสินค้าของโรเบิร์ตก็ไม่ได้จดลิขสิทธิ์ไว้ แล้วยังบริหารกระแสเงินสดของบริษัทไม่ดีพอ ใช้จ่ายเกินตัว เพราะคิดว่ากำไรของบริษัทอยู่ตัวแล้ว ต่อมาโรเบิร์ตจึงเข้าสู่ธุรกิจเพื่อการศึกษาอย่างเกมกระแสเงินสด (CASHFLOW) และหนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก รวมไปถึงการเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจต่างๆทั้งอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ให้เช่า ธุรกิจน้ำมัน และอื่นๆ ทั้งหมดนี้มันทำให้เขาตระหนักว่า....การเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่ความรู้ ไม่ใช่แค่ทักษะทางการเงิน ทักษะกับความรู้สำคัญก็จริง แต่ถ้าใจไม่สู้ มองไม่เห็นความหวังว่าความสำเร็จมันเป็นไปได้ โอกาสถอดใจล้มเลิกไปก็สูงมาก กอปรกับการที่เราได้รับการสอนมาว่าถ้าเราลงมือทำแล้วยังล้มเหลว เป็นไปได้ว่าเรามาผิดทางถนัดของคน มันจึงทำให้คนลังเลว่าเราไม่ถนัดจริง หรือเราเข้าใจการลงทุนผิด หรือเรายังทุ่มเทไม่พอ และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ออกมากลายเป็นหนังสือเล่มนี้ครับ เนื้อหาภายในเล่มบทนำบทที่ 1 ความแตกต่างระหว่างลูกจ้างและผู้ประกอบการบทที่ 2 ยิ่งล้มเหลว ยิ่งรวยบทที่ 3 ทำไมต้องทำงานให้ฟรีๆบทที่ 4 เก่งภาคสนาม VS เก่งในโรงเรียนบทที่ 5 งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราบทที่ 6 รายได้ 3 ประเภทบทที่ 7 จะพัฒนาธุรกิจขนาดเล็ก เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างไรบทที่ 8 หน้าที่สำคัญของผู้นำธุรกิจคืออะไรบทที่ 9 จะหาลูกค้าดีๆได้อย่างไรบทที่ 10 บทส่งท้าย แนวคิดที่ได้เรียนรู้และประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าคนส่วนใหญ่ขี้เกียจคิดหาทางแก้ไข มันก็ยากที่หวังจะทำอะไรได้ แทนที่จะกล้าทำและกล้าตัดสินใจเพื่อเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กลับยึดติดกับความคิดและทางตันเดิมๆ ถ้าพวกเขาเริ่มต้นทำมันได้เมื่อไหร่ มันจะทำให้ระดับสติปัญญาของพวกเขาก้าวไปอีกขั้น เมื่อนั้นพวกเขาจงเตรียมอ้าแขนรอรับความมั่งคั่งไว้ได้เลย ได้เรียนรู้ว่าทุกครั้งที่ล้มเหลว จงหยุด เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หาทางแก้ไข อย่างยอมแพ้ เมื่อใดที่พบทางออกที่ซ่อนอยู่ได้ เมื่อนั้นเราจะหันกลับมาขอบคุณความล้มเหลว เมื่อใดที่ยังรู้สึกเสียใจ โกรธ อับอาย หรือเจ็บแค้น ไม่ว่าจะกับคนอื่นก็ดี กับตัวเองก็ดี เมื่อนั้นสมองของเราจะหยุดคิด การเรียนรู้จะไม่เกิด ทุกอย่างที่เริ่มต้นจะพังพินาศ ได้เรียนรู้ว่าความล้มเหลวคือสิ่งที่โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษายอมรับไม่ได้ การที่จะไปเป็นลูกจ้างคุณภาพดี ประสิทธิภาพสูง จะทำงานผิดพลาดบ่อยครั้งไม่ได้ มันเกิดความเสียหาย และนั่นทำให้จิตวิญญาณของเรายอมรับความผิดพลาดไม่ได้ เพราะมันทำให้เราถูกตำหนิ มันทำให้เราดูไม่รู้ในเรื่องนั้นดีพอ เราจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆเพื่อเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง เรากลัวความล้มเหลวว่ามันจะร้ายแรงเกินไป กลัวจนไม่สามารถหาวิธีจำกัดความเสี่ยงได้ ได้เรียนรู้ว่าเราสามารถแบ่งความแตกต่างของคนเก่งในโรงเรียนและเก่งภาคสนามได้เก่งในโรงเรียน1.ทักษะการคิดวิเคราะห์/ทักษะการคิดการตัดสินใจในสถานการณ์คับขัน2.ทักษะด้านเทคนิค/ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเก่งภาคสนาม1.ทักษะการคิดสร้างสรรค์/ความคิดที่ไม่ตายตัว2.ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์/ความเป็นผู้นำ ได้เรียนรู้ว่าจุดยืนในตลาดมีเพียง 3 ตำแหน่ง คือ ตลาดระดับบน ระดับกลาง ระดับล่าง จึงเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ต้องกำหนดว่า อยากให้ธุรกิจอยู่ในระดับไหน โดยส่วนใหญ่มักจะพอใจกับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยคู่แข่งที่มาก และเป็นเรื่องยากที่เราจะโดดเด่นได้ในระดับกลาง การนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงของครีเอเตอร์1.การทำธุรกิจนั้น อย่าคิดว่าจะทำกำไรทันที เราต้องรู้ว่าเรากำลังนำพาอะไรมาให้ลูกค้า สินค้านั้นลูกค้าต้องการจริงๆใช่หรือไม่ เพราะถ้าลูกค้าไม่ต้องการ ธุรกิจก็ล่มสลาย2.การทำธุรกิจเพื่อหวังเงินเป็นอันดับแรกจะทำให้เราคิดไม่ออกว่าจะนำคุณค่าอะไรไปเสนอขายกับลูกค้า ดังนั้น จึงต้องคำนึงถึงกำไรไว้เป็นอันดับรอง และเน้นเรื่องของระบบการจัดการเป็นหลัก3.การศึกษาวิธีทำธุรกิจในช่วงเริ่มต้นยังไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นเม็ดเงินกลับมา สิ่งนี้ทำให้หลายคนล้มเลิกไปเสียก่อน แต่ถ้าเราทำให้ธุรกิจเกิดกำไรได้ เราจะเข้าใจเอง และนี่คือสิ่งที่ได้เรียนรู้และเข้าใจมิติการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้นว่าพวกเขาลำบากกันแบบไหน แน่นอนว่าการสร้างผลตอบแทนสูงนั้น มันมีความซับซ้อนกว่า ยุ่งยากกว่าเป็นธรรมดา แต่สิ่งเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนที่ยั่งยืนหากเราบริหารจัดการเป็น เรียนรู้จากความล้มเหลวเป็น ครีเอเตอร์เคยมีประสบการณ์เรียนรู้ไม่เป็น จึงทำให้ความล้มเหลวก็เป็นเพียงความล้มเหลว ความล้มเหลวสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนมาให้ เราจึงไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ผู้ประกอบการที่เรียนรู้เป็นจะสามารถนำบทเรียนนี้ไปป้องกันไม่ให้มันเกิดปัญหาซ้ำอีกได้ การจะทำแบบนี้ได้ต้องมองเห็นภาพรวมและเหตุปัจจัยครบถ้วน เราถึงจะเข้าใจ ความสำเร็จทางธุรกิจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ถ้าได้คนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่เคยทำธุรกิจสำเร็จจริงมาให้คำแนะนำแก้ไขปัญหาของเราได้ตรงจุด เช่นนี้แล้วความสำเร็จก็เกิดขึ้นได้ในเวลาต่อมา เป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการมือใหม่ทุกท่าน รวมทั้งคนที่ย้ายจากการเป็นลูกจ้างสู่การเป็นผู้ประกอบการครับ เครดิตภาพภาพปก โดย rawpixel.com จาก freepik.comภาพที่ 1 2 3 และ 4 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูกรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้านรีวิวหนังสือ โรงเรียนสอนธุรกิจ สำหรับคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น (The Business School for people who like helping people)รีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนวัยรุ่นรีวิวหนังสือ WHY THE RICH ARE GETTING RICHER (ทำไมคนรวยยิ่งรวยขึ้น)7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์