โดนัลด์ ทรัมป์ : หลานสาวเปิดโปงอา แมรี ทรัมป์ กล่าวหา ปธน.สหรัฐ เป็น "คนหลงตัวเอง"

โดนัลด์ ทรัมป์ : หลานสาวเปิดโปงอา แมรี ทรัมป์ กล่าวหา ปธน.สหรัฐ เป็น "คนหลงตัวเอง" - BBCไทย
แมรี ทรัมป์ เขียนหนังสือ "แฉ" ว่าอาของเธอ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็น "คนหลงตัวเอง" ที่เป็นอันตรายต่อพลเมืองอเมริกันทุกคน
ในหนังสือชื่อ "Too Much and Never Enough: How My Family Created the World's Most Dangerous Man" แมรีบอกว่า ลุงของเธอเป็น "คนหลอกลวง" และ "พวกชอบรังแกคนอื่น"
แมรี ซึ่งอายุ 55 ปี และจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยา เป็นลูกสาวของเฟร็ด ทรัมป์ จูเนียร์ พี่ชายคนโตของ ปธน.ทรัมป์ ซึ่งเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายจากการติดสุรา
ทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาในหนังสือเล่มนี้ หลังจากสื่ออเมริกันได้เห็นเนื้อหาบางส่วนแล้ว
ครอบครัวของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมายื่นฟ้องร้องเพื่อยับยั้งการเผยแพร่หนังสือเล่มนี้ในวันที่ 14 ก.ค.
ย้อนไปเมื่อปี 2016 หลังจากนายทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แมรี เคยบอกว่า นั่นเป็น "คืนที่แย่ที่สุดในชีวิตฉัน" และเธอทวีตข้อความว่า "ฉันเศร้าใจแทนประเทศของเรา"
ไม่ใช่แค่หลงตัวเอง
แมรี บอกว่าสำหรับลุงเธอแล้ว "เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ"
เธอบอกว่า ลึก ๆ แล้วลุงเธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ดีอย่างที่กล่าวอ้าง เขาจึงต้องการให้คนมายกยอตลอดเวลาเพื่อรักษา "อีโก้" หรือ ความรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ ไว้
เธอบอกว่า เฟร็ด ทรัมป์ ซีเนียร์ ปู่ของเธอ ชอบกดขี่ข่มเหงพ่อเธอ และ ปธน.ทรัมป์ ก็เอาเป็นเยี่ยงอย่าง
แมรีบรรยายกว่า ปู่เข้มงวดกับพ่อเธอมากเพราะอยากให้เขามารับช่วงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครอบครัวต่อ แต่เมื่อพ่อเธอไม่สนใจ ปู่จึงจำเป็นต้องหันไปหา โดนัลด์ ทรัมป์ ลูกคนที่สองแทน
"เมื่อสถานการณ์เริ่มแย่ในปลายทศวรรษ 80 เฟร็ดไม่สามารถหลีกหนีจากความไร้ประสิทธิภาพอย่างร้ายแรงของลูกชายเขาได้ แต่พ่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามต่อ" แมรี เขียนถึงทัศนคติของปู่เธอที่มีต่อลูกชายที่ต่อมากลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ
"อสูรกายของเขาได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ"
ทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ โดยบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับพ่อ อบอุ่น และพ่อก็ดีต่อเขามาก
- ปธน.ทรัมป์ ถูกหมอตำหนิหลังเสนอให้วิจัยการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อเข้าร่างกาย
- ทำเนียบ ปธน. สหรัฐฯ ไม่พอใจ หลังข้อมูลภาษีของทรัมป์รั่วไหล
- คำสั่งระงับวีซ่า-กรีนการ์ดของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจกระทบแรงงานต่างชาติหลายแสนคน
- ประเทศไหนที่ชอบ-ไม่ชอบ ปธน. ทรัมป์ของสหรัฐฯ
"ฉันต้องจัดการโดนัลด์"
ในหนังสือเล่มนี้ แมรีพูดถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2017 ที่เธอนำเอกสารเกี่ยวกับภาษีมูลค่ามหาศาลไปให้นักข่าว นสพ.นิวยอร์กไทม์ส ซึ่งตีพิมพ์รายงานข่าวสืบสวนยาว 14,000 คำ กรณีความพยายามเลี่ยงภาษีที่เป็นข้อกังขาในช่วงทศวรรษ 90 รวมถึงการฉ้อโกงอย่างชัดเจนซึ่งทำให้ปธน.ทรัมป์เสียภาษีน้อยลง จนได้รับเงินมรดกจากครอบครัวเพิ่มขึ้น
เธอเล่าว่า หลังจากลักลอบขนเอกสารทางกฎหมาย 19 กล่องออกจากห้องเก็บในบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งได้สำเร็จ เธอเข้าสวมกอดกับนักข่าวและบอกว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกมีความสุขที่สุดในรอบหลายเดือน
"การไปเป็นอาสาสมัครกับองค์กรช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวซีเรียมันไม่พอ" แมรี เขียน "ฉันต้องจัดการโดนัลด์ด้วย"
โกงสอบ
แมรี ยังอ้างว่าอาของเธอจ้างให้นักสอบมืออาชีพ ทำข้อสอบ SAT (ข้อสอบคณิตศาสตร์ การเขียนและการอ่านภาษาอังกฤษสำหรับใช้ประกอบการสอบเข้าระดับปริญญาตรีในสหรัฐฯ) แทนอีกด้วย
ปธน.ทรัมป์ เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมในนิวยอร์กก่อนที่จะย้ายไปวิทยาลัยธุรกิจวอร์ตัน แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
ทางทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธเช่นกันว่า ปธน.ทรัมป์ ไม่ได้โกงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ทำลายพ่อเธอ
แมรีกล่าวหาว่าปู่ของเธอมีส่วนอย่างมากที่ทำให้ครอบครัวเธอไม่ปกติ เธอบอกว่าปู่ "ทำลาย" โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการเข้าไปขัดขวางการเรียนรู้อารมณ์ต่าง ๆ ของมนุษย์
"ด้วยการไปจำกัดไม่ให้โดนัลด์เข้าถึงความรู้สึกตัวเอง ไปทำให้ความรู้สึกหลายอย่างเป็นเรื่องที่ถือว่ารับไม่ได้ เฟร็ดไปทำให้ลูกชายมองโลกผิด ๆ และก็ทำให้เขาไม่มีความสามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกได้"
นอกจากนี้ ปู่ของเธอยังเข้มงวดกับพ่อเธอมาก จะโกรธมากหากพ่อของเธอขอโทษเวลาทำอะไรผิดพลาดเพราะว่า "ความอ่อนโยน" เป็นเรื่องที่ปู่รับไม่ได้
และโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอ่อนกว่าพี่ชาย 7 ปี มีเวลาเยอะที่จะเรียนรู้จากที่พ่อตัวเองทำให้พี่ชายต้องอับอาย
"บทเรียนที่เขาได้ ง่าย ๆ เลยคือ การเป็นเฟรดดี้(พี่ชายคนโต) เป็นเรื่องผิด เฟร็ดไม่นับถือลูกชายคนโตของเขา โดนัลด์ก็จะไม่นับถือเขาเช่นกัน"
มีปัญหากับผู้หญิง
แมรี บอกว่า ปธน.ทรัมป์ มาจ้างให้เธอเขียนหนังสือในนามเขา โดยจะตั้งชื่อหนังสือว่า "Art of the Comeback" ซึ่งจะพูดถึงผู้หญิงที่เขาหวังว่าจะออกเดตกับเขาแต่กลับปฏิเสธ และก็กลายเป็นคนที่อ้วนและน่าเกลียดในที่สุด
ต่อมา แมรี อ้างว่า ปธน.ทรัมป์ ให้คนอื่นมาปลดเธออกจากโครงการนี้ และก็ไม่เคยจ่ายเงินให้เธอ
แมรี บอกอีกว่า ปธน.ทรัมป์ พูดจาเป็นเชิงแทะโลมเกี่ยวกับร่างกายเธอ แม้ว่าเขาเป็นอาเธอ
นอกจากนี้ เธอกล่าวหาว่า ปธน.ทรัมป์ ไปบอกกับเมลาเนีย ภรรยาคนปัจจุบันของเขาว่า หลานสาวเลิกเรียนมหาวิทยาลัยกลางคัน และก็ไปเริ่มใช้ยาเสพติดในช่วงที่เขาจ้างเธอเขียนหนังสือ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าแมรีจะออกจากมหาวิทยาลัยจริง แต่เธอไม่เคยใช้ยาเสพติด เธอเชื่อว่าอาแต่งเรื่องนี้ขึ้นเพื่อทำให้ดูเหมือนว่าเขาเป็นผู้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหลานสาว